ภารกิจเผยแผ่อิสลามถูกต่อต้านมาตั้งแต่ครั้งแรก
เมื่อการปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามอย่างเปิดเผยของนบีมุฮัมมัดเริ่มต้น การต่อต้านภารกิจของท่านโดยผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็เริ่มขึ้นพร้อมกันทันที หากเป็นชาวเมืองทั่วไป นบีมุฮัมมัดคงถูกกำจัดไปแล้วตามวิถีของชาวอาหรับ แต่เนื่องจากอบูฏอลิบลุงของท่านเป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ในเมืองมักก๊ะฮฺและเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลคนหนึ่ง ท่านจึงได้รับความคุ้มครองจากลุงของท่าน
สิ่งที่ทำให้บรรดาผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺหวั่นวิตกก็คือพวกเขากลัวว่าผู้คนจะคล้อยตามสิ่งที่นบีมุฮัมมัดนำมาสั่งสอน เพราะชาวเมืองมักก๊ะฮฺรู้ว่านบีมุฮัมมัดไม่เคยโกหกจนชาวเมืองให้ฉายาท่านว่า “อัลอะมีน” (ผู้ซื่อสัตย์ไว้วางใจได้) อีกประการหนึ่งก็คือบุคลิกภาพที่ดึงดูดผู้คนของท่าน
เนื่องจากคำสอนสำคัญของอิสลาม คือ ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและการฟื้นคืนชีพหลังความตายเพื่อไปรับการสอบสวนจากพระเจ้า
ดังนั้น เช้าตรู่วันหนึ่ง นบีมุฮัมมัดได้ขึ้นไปบนเนินเขาแห่งหนึ่งและตะโกนส่งสัญญาณเตือนภัยตามประเพณีอาหรับ คนที่ได้ยินจึงรีบวิ่งไปยังที่มาของเสียง เมื่อผู้คนและบรรดาผู้นำที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของท่านไปถึงที่นั่น ท่านได้ถามผู้คนว่า “หากฉันบอกพวกท่านว่าข้างหลังภูเขาลูกนี้มีศัตรูกำลังจะบุกจู่โจมเข้ามาทำลายพวกท่าน พวกท่านเชื่อไหม?”
เมื่อผู้คนตอบว่าเชื่อ ท่านจึงกล่าวว่า “ฉันขอเตือนพวกท่านให้รู้ว่าหลังโลกนี้จะมีโลกแห่งการทรมานแสนสาหัสรอพวกท่านอยู่หากท่านไม่เชื่อในอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าองค์เดียวและไม่เชื่อฟังพระองค์”
คำพูดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้นำชาวมักก๊ะฮฺอย่างมาก ญาติผู้ใหญ่ของท่านคนหนึ่งจึงออกมาพูดตะคอกใส่ท่านและประชดประชันว่า “ที่แกตะโกนเรียกพวกเราออกมานี่ เพียงเพื่อจะบอกเรื่องนี้แก่พวกเราหรือ? ไหน พระเจ้าของแกอยู่ที่ไหน อยู่ในสวนอินทผลัม หรืออยู่ในหุบเขา หรืออยู่บนดวงจันทร์ พระเจ้าของแกทำด้วยหินหรือไม้หรือทองแดง?”
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงดลใจท่านให้เอ่ยถึงคุณสมบัติของพระองค์ให้คนที่นั่นได้รู้ แม้พวกผู้นำจะทำเป็นหูทวนลม แต่หลายคนที่นั่นเริ่มคิด และเมื่อคนเหล่านั้นหันมาศรัทธาในอิสลาม คนเหล่านั้นกลับต้องถูกกลั่นแกล้งและทรมานเพื่อให้เลิกศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัด
หลังจากนั้น พวกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้หันไปใช้วิธีทำลายความน่าเชื่อถือของนบีมุฮัมมัดด้วยการกล่าวหาว่าท่านถูกผีเข้าบ้าง วิกลจริตบ้างหรือเอานิยายปรัมปะรามาเล่าหลอกผู้คนบ้าง แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครสักคนกล่าวหาท่านว่าเป็นคนโกหก
นบีมุฮัมมัดไม่ตอบโต้การใส่ร้ายใด ๆ แต่ดูเหมือนว่าการใส่ร้ายยิ่งทำให้ผู้คนสนใจท่านมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ พวกหัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺจึงยื่นข้อเสนอแก่นบีมุฮัมมัดว่าถ้าหากท่านต้องการทรัพย์สินหรือหญิงสาวหรือต้องการอำนาจ พวกเขาจะจัดหาให้ท่านทุกอย่างเพื่อแลกกับการหยุดเผยแผ่คำสอนของอิสลาม แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกท่านปฏิเสธหมด
เมื่อใช้วิธีการทำลายความน่าเชื่อถือและการติดสินบนไม่ได้ผล พวกผู้นำชาวมักก๊ะฮฺได้เข้าไปพบอบูฏอลิบลุงของท่านนบีซึ่งวางตัวเป็นกลางแม้จะไม่ศรัทธาในอิสลามก็ตาม พวกเขาขอร้องอบูฏอลิบให้ห้ามปรามหลานชายเผยแผ่คำสอนอิสลาม แต่นบีมุฮัมมัดยืนยันกับลุงว่า “ต่อให้เอาดวงอาทิตย์มาวางไว้ในมือขวาและเอาดวงจันทรามาวางไว้ในมือซ้าย ฉันก็จะไม่ล้มเลิกสิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายมาจากพระเจ้า”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น พวกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็หันมาใช้วีธีการประนีประนอม พวกเขาเสนอต่อนบีมุฮัมมัดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ พวกเราจะเคารพสักการะอัลลอฮฺพระเจ้าของเจ้าหนึ่งเดือน และเดือนถัดไป เจ้าต้องหันมากราบไหว้สิ่งที่พวกเรากราบไหว้บูชาสลับกันดีไหม”
เมื่อได้รับข้อเสนอเพื่อการประนีประนอมเช่นนี้ อัลลอฮ์จึงมีบัญชาให้นบีมุฮัมมัดตอบไปว่า “ฉันจะไม่กราบไหว้พระเจ้าของท่านและท่านก็ไม่ต้องเคารพสักการะพระเจ้าของฉัน ต่างคนต่างกราบไหว้พระเจ้าที่ตัวเองนับถือแล้วกัน พวกท่านปฏิบัติศาสนาของพวกท่านไป ส่วนฉันจะปฏิบัติตามศาสนาของฉัน”
เมื่อบรรดาผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺโดยเฉพาะผู้นำเผ่ากุเรชซึ่งเป็นเผ่าที่ได้รับความเคารพนับถือและความเกรงใจจากทุกเผ่าในแผ่นดินอาหรับได้ยินคำปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้ พวกเขาจึงเริ่มคิดว่าเมื่อใช้ไม้นวมไม่ได้ผลก็ถึงคราวที่ต้องหันมาใช้มาแข็ง นับแต่นั้นมา การต่อต้านภารกิจเผยแผ่อิสลามของนบีมุฮัมมัดก็เริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
credit: อาจารย์บรรจง บินกาซัน
บทความน่าสนใจ
Tags: