กำเนิดชีวิตและร่างมีวิญญานในอัลกรุอาน
วิทยาศาสตร์ให้ความรู้แก่เราว่าชีวิตของมนุษย์เริ่มต้นในครรภ์เมื่อตอนที่ตัวสเปิร์มในน้ำอสุจิของผู้ชายปฏิสนธิกับไข่ในครรภ์ของผู้หญิง ตัวสเปิร์มนับร้อยล้านตัวแม้จะเคลื่อนที่ได้เหมือนสิ่งมีชีวิต แต่มันยังไม่มีวิญญาณ โดยปกติมีเพียงตัวหนึ่งที่มีโอกาสปฏิสนธิกับไข่ที่จะพัฒนาการเป็นก้อนเลือด ก้อนเนื้อและเป็นตัวอ่อนที่ไม่อาจคลอดออกมาจากโลกแห่งครรภ์ได้เลยถ้าไม่มีวิญญาณที่ทำให้มันมีชีวิต
ในเรื่องของการกำเนิดชีวิตมนุษย์ อาณาจักรวิทยาศาสตร์สุดเขตตรงกระบวนการปฏิสนธิในครรภ์ ส่วนเรื่องวิญญาณ วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถตอบได้ว่าวิญญาณเข้ามาในตัวอ่อนของมนุษย์ได้อย่างไร เข้ามาในตอนไหน?
วิญญาณเป็นสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่เมื่อนุษย์คนใดมีวิญญาณอยู่ในร่าง มนุษย์คนนั้นยังมีชีวิต วิญญาณออกจากร่างไปเมื่อใด ร่างกายของมนุษย์ก็ผุพังยุ่ยสลายกลายเป็นธุลี
โลกนี้มีสิ่งเร้นลับที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็นอีกมากมายและมนุษย์เชื่อว่ามันมีอยู่ ศาสนามีความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับหลายอย่างที่ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น นรก สวรรค์ วิญญาณ ทูตสวรรค์(ในภาษาอาหรับเรียกว่า “มลาอิก๊ะฮฺ”) และปีศาจที่ปราศจากตัวตน(ในภาษาอาหรับเรียกว่า “ญิน”)
เป็นเรื่องน่าแปลกที่มลาอิก๊ะฮฺและญินเป็นสิ่งถูกสร้างที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้าง(อัลลอฮฺ)ได้ให้ความรู้แก่มนุษย์ว่ามลาอิก๊ะฮฺถูกสร้างมาจากแสงสว่างและญินถูกสร้างมาจากไฟ แต่วิญญาณซึ่งเป็นสิ่งเร้นลับถูกสร้างมาจากอะไร พระเจ้าไม่บอกให้รู้แม้แต่นบีของพระองค์ เพราะมนุษย์ไม่จำเป็นต้องรู้ ดังนั้น มนุษย์จึงไม่มีความรู้ในเรื่องของวิญญาณจนกระทั่งปัจจุบัน แต่สิ่งที่มนุษย์ควรจะรู้เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณก็คือการรักษาวิญญาณไว้ให้สะอาดผ่องแผ้วและรู้จักควบคุมวิญญาณให้เป็นนายที่ดีของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม คัมภีร์กุรอานได้ให้ข้อมูลแก่เราว่าโลกของวิญญาณมีอยู่ก่อนโลกแห่งครรภ์มารดา ก่อนวิญญาณจะถูกส่งมาในตัวอ่อนมนุษย์ในครรภ์ พระเจ้าผู้ทรงสร้างวิญญาณมนุษย์ได้ให้ดวงวิญญาณทั้งหลายยืนยันกับพระองค์ว่าพระองค์คือพระเจ้า และดวงวิญญาณทั้งหมดต่างยืนยัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์จึงมีความสำนึกหรือความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้นบีมุฮัมมัดไม่ได้รับความรู้เรื่องวิญญาณว่าถูกสร้างมาจากอะไร แต่ท่านได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการที่วิญญาณเข้าไปในตัวอ่อนของมนุษย์ขณะที่กำลังอยู่ในครรภ์ไว้อย่างน่าสนใจว่า :
“วิธีการที่พวกท่านแต่ละคนถูกสร้างมาก็คือ ท่านได้ถูกรวมเข้าไว้ในรังไข่ของแม่เป็นเวลาสี่สิบวันในตอนที่เป็นเชื้ออสุจิ หลังจากนั้น ในระยะเวลาเท่าๆกันก็เป็นก้อนเลือด และหลังจากนั้นก็เป็นก้อนเนื้อในเวลาเท่าๆกัน หลังจากนั้น มลาอิก๊ะฮฺองค์หนึ่งจะถูกส่งมาเป่าวิญญาณเข้าไปในท่านและมีหน้าที่ทำตามคำบัญชาสี่ประการ นั่นคือกำหนดปัจจัยยังชีพของท่าน ช่วงอายุของท่าน การงานของท่านและท่านจะทุกข์หรือสุข”
นี่เป็นข้อมูลที่บอกให้เรารู้ว่าวิญญาณเป็นของพระเจ้า จึงไม่มีมนุษย์คนใดมีความรู้และมีสิทธิ์ในเรื่องวิญญาณ วิทยาศาสตร์อาจมีเทคโนโลยีในการนำเอาตัวสเปิร์มของเพศชายมาปฏิสนธิกับไข่ในการผสมเทียม แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอัญเชิญวิญญาณเข้ามาในตัวอ่อนมนุษย์ที่เกิดจากการผสมเทียมได้ถ้าพระเจ้าไม่อนุมัติ
ความรู้เรื่องวิญญาณถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานเพื่อบอกมนุษย์ให้รู้จักสถานะของตัวเองว่ามนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างที่มีวิญญาณ และวิญญาณเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีชีวิต พระเจ้าจะเอาชีวิตของมนุษย์กลับคืนไปเมื่อใดก็ได้ตามพระสงค์ของพระองค์โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าหรือรอให้มนุษย์แก่เสียก่อน
มนุษย์ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าวิญญาณถูกสร้างมาจากอะไร แต่สิ่งที่มนุษย์ควรจะรู้ก็คือวิธีการรักษาวิญญาณให้สะอาดผ่องแผ้วเพื่อที่เมื่อใดก็ตามที่วิญญาณออกจากร่างไป วิญญาณจะได้กลับไปสู่พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของวิญญาณในสภาพที่สะอาดบริสุทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนในรูปของสวรรค์จากพระองค์
credit: อาจารย์บรรจง บินกาซัน
Tags: