
รับมือเด็กปิดเทอม เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้ติดจอ
รับมือเด็กปิดเทอม เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้ติดจอ
ในช่วงปิดเทอมของลูกๆ พ่อแม่หลายคนอาจเกิดความกังวลว่าเด็กจะใช้เวลากับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียได้ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การเสพติดหน้าจอ การเข้าสังคมที่ลดลง หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพกายและใจ บทความนี้จะชวนคุณพ่อคุณแม่มารับมือกับสถานการณ์ “เด็กปิดเทอม” ด้วยวิธีการเลี้ยงลูกให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกรักได้ใช้เวลาว่างอย่างมีคุณภาพ และไม่ติดจอจนเกินไป
เช็กลิสต์อาการของเด็กที่บ่งบอกว่าติดหน้าจอ มีอะไรบ้าง ?
- หมกมุ่น และขาดความสนใจในกิจกรรมอื่น เด็กไม่สนใจที่จะทำกิจกรรมที่เคยชอบ เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ เล่นกับเพื่อน หรือทำงานศิลปะ เพราะเอาแต่จดจ่อกับหน้าจอ
- เก็บตัวหรือปลีกตัวจากสังคม เด็กบางคนเลือกจะเล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตตามลำพัง แทนที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือเพื่อน
- ควบคุมตนเองได้ยาก เมื่อไม่ได้ใช้หน้าจอ เด็กอาจแสดงออกด้วยความกระวนกระวายอยู่ไม่นิ่ง เบื่อง่าย และต้องการสิ่งกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา
- ใช้เวลาเกินกว่าที่วางแผนไว้ แม้จะตั้งใจหรือสัญญากับพ่อแม่ว่าจะใช้เวลาเล่นหน้าจอแค่ 1 ชั่วโมง แต่สุดท้ายมักเลยเถิดเป็นหลายชั่วโมง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
- โต้ตอบรุนแรง หรือหงุดหงิดเมื่อถูกจำกัดการใช้อุปกรณ์ หากพ่อแม่หรือผู้ปกครองพยายามจะลดเวลาการเล่นหน้าจอ แล้วเด็กเกิดอาการโวยวาย อารมณ์เสีย ร้องไห้ หรือก้าวร้าวอย่างเห็นได้ชัด
เด็กติดหน้าจอ อันตรายแค่ไหน ?
การติดจอ ทำให้เด็กสนใจกิจกรรมอื่นน้อยลงและแยกตัวอยู่คนเดียวมากขึ้น ทำให้พลาดโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่รอบตัวและการเข้าสังคมกับผู้อื่น การใช้หน้าจอเป็นเวลานานยังส่งผลต่ออารมณ์ของเด็ก ทำให้ควบคุมอารมณ์ได้ยากขึ้น อารมณ์ร้อนขึ้น รวมถึงอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวเลียนแบบหน้าจอได้ นอกจากนี้การใช้หน้าจอเป็นระยะเวลานานยังส่งผลเสียต่อสุขภาพสายตา นอนหลับได้ยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วนได้อีกด้วย
พ่อแม่ควรรับมือแบบใด เมื่อลูกติดจอ ?
- พูดคุยและทำความเข้าใจกับลูกอย่างใจเย็น
- ร่วมมือกับลูกจัดตารางกิจวัตรประจำวัน และจำกัดการใช้หน้าจอให้เป็นเวลา
- ช่วยกันกับลูกวางแผนจัดเตรียมกิจกรรมที่จะให้ลูกทำในแต่ละวันไว้ล่วงหน้า และจัดแบ่งเวลามาทำกิจกรรมร่วมกับลูกมากขึ้น เช่น ออกกำลังกาย ทำอาหาร งานศิลปะ หรือเล่นดนตรี
- คุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีในการไม่ติดจอ
การรับมือกับ “เด็กติดจอช่วงปิดเทอม” ไม่ใช่แค่การห้ามหรือจำกัดการใช้หน้าจอ แต่คือการสร้างสมดุลชีวิตให้เด็กมีโอกาสที่จะได้เติบโตอย่างสมวัย ได้สัมผัสกิจกรรมที่หลากหลาย สนุกสนาน มีคุณประโยชน์ และปลูกฝังนิสัยในการจัดการเวลาที่ดี เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะใช้หน้าจออย่างเหมาะสม มีวินัยในการจัดสรรเวลา และได้ทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับครอบครัว ปัญหา “ติดจอ” ก็จะลดลงไปโดยธรรมชาติ และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
หากสังเกตพบว่าลูกมีอาการ “ติดหน้าจอ” ควรรีบพูดคุย หาวิธีช่วยเหลือ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ อย่างแพทย์เฉพาะทางด้านพัฒนาการและพฤติกรรม นักจิตวิทยา หรือคุณครูที่โรงเรียน เพื่อร่วมกันหาทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และวางแผนการดูแลให้เด็กใช้หน้าจอได้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเข้าสู่ภาวะติดจอจนส่งผลเสียต่อตัวเด็กในระยะยาว
ข้อมูลโดย : พญ.ปัญญ์ชลี จงไพบูลย์พัฒนะ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านพัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลพญาไท 2
บทความที่น่าสนใจ
Tags: