
หมวกที่ชาวมุสลิมสวมศรีษะ คืออะไร ? ทำไมต้องสวมหมวกด้วย
หมวกที่ชาวมุสลิมสวมศรีษะ คืออะไร ? ทำไมต้องสวมหมวกด้วย
เวลาที่ไปมัสยิด หรือสถานที่สำหรับทำการละหมาด จะเห็นผู้ชายมุสลิมมักจะสวมหมวกเล็ก ๆ ไว้บนหัว มาหลากสีหลายรูปแบบ แต่ที่แน่ ๆ คือ มันบังแดดไม่ได้ แล้วหมวกเหล่านั้น มีไว้ทำอะไร ?
วัฒนธรรมการแต่งกายของชายชาวมุสลิม
เครื่องแต่งกายของชายแดนใต้ของไทย โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวมถึงบางพื้นที่ของสงขลาและสตูล มักได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมมลายูและอิสลาม โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต ประเพณี และความเชื่อของผู้คนในพื้นที่
หมวกของผู้ชายมุสลิม มี 2 แบบ ได้แก่ :-
หมวกซองโก๊ก (Songkok)
หมวกซองโก๊ก (Songkok) ภาษาไทยนิยมเรียกว่า ซอเกาะห์ เป็นหมวกทรงเหลี่ยม ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำหรือสีเทา ทำจากผ้ากำมะหยี่ มีทั้งแบบพับได้ตามแนวยาว พับแล้วจะแบนเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และแบบที่พับไม่ได้ มักสวมใส่ร่วมศาสนกิจ หรือเข้าร่วมในพิธีสำคัญต่าง ๆ ตลอดจน ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ซึ่งจะมีทั้งแบบสีดำเรียบ ๆ หรือสามารถปักลวดลายเพิ่มความประณีตตามฐานะและรสนิยม หมวกซอเกาะห์ มักนิยมสวมใส่ในจังหวัดทางใต้ของประเทศไทย และเป็นที่นิยมมาก รวมทั้ง ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ซึ่งที่มาเลเซีย หากสวมใส่ในงานแต่งงาน หนุ่ม ๆ มักจะประดับเข็มกลัดอันโต เรียกว่า “กะโลซัง” ความสวยงามแล้วแต่กำลังทรัพย์
หมวกกะปิเยาะห์ (Kopiah)
หมวกกะปิเยาะห์ (Kopiah) เป็นหมวกที่มีลักษณะกลมและแบน มักใช้โดยผู้ชายชาวมุสลิมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง ชายแดนภาคใต้ของไทย (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของสงขลาและสตูล) หมวกชนิดนี้มีความสำคัญทั้งทางศาสนาและวัฒนธรรม ในความเชื่อของอิสลามจะเชื่อว่าหากมุสลิมที่ใส่กะปีเยาะห์ในการละหมาด จะได้ผลบุญมากกว่าคนที่ไม่ใส่ เนื่องจากเป็นเครื่องแต่งกายของท่านศาสดามูฮำหมัด เช่นเดียวกับการโพกศีรษะที่เรียกว่า ผ้าซัรบัน หรือ สะระบั่น หรือ กาเฆ็ง (ผ้า) ซรือแบ ในการละหมาดกะปีเยาะห์จะทําหน้าที่รวบเก็บปอย ผมไม่ให้บดบังหนังผากเวลาก้มกราบ (สูยุด) ช่วยให้การละหมาดสมบูรณ์ ดังนั้นกะปีเยาะห์จึงมีความหมายมากในทางศาสนา คนที่ใส่กะปีเยาะห์ตลอดเวลาจะถูกมองว่าเป็นคนเคร่งศาสนาและได้รับการยอมรับจากคนในสังคม
หมวกกะปีเยาะห์ เป็นหมวกอีกชนิดหนึ่งในวัฒนธรรมมลายูสำหรับชายชาวมุสลิม ความต่างจากซอเก๊าะคือ โอกาสในการสวมใส่ กะปีเยาะห์มักจะสวมใส่ในเวลาละหมาดหรือพิธีกรรมทางศาสนาอื่น ๆ ต่างจากซอเก๊าะที่มักจะใส่ในงานพิธีการหรือในเทศกาลสำคัญ ๆ เสียมากกว่า หมวกกะปีเยาะห์มักมีสีขาว ไม่แข็งเหมือนซอเก๊าะ และจะมีลวดลายมากกว่า ในความเชื่อของอิสลามจะเชื่อว่าหากมุสลิมที่ใส่กะปีเยาะห์ในการละหมาด จะได้ผลบุญมากกว่าคนที่ไม่ใส่ เนื่องจากเป็นเครื่องแต่งกายของท่านศาสดามูฮำหมัด เช่นเดียวกับการโพกศีรษะที่เรียกว่า ผ้าซัรบัน หรือ สะระบั่น หรือ กาเฆ็ง (ผ้า) ซรือแบ ในการละหมาดกะปีเยาะห์จะทําหน้าที่รวบเก็บปอย ผมไม่ให้บดบังหนังผากเวลาก้มกราบ (สูยุด) ช่วยให้การละหมาดสมบูรณ์ ดังนั้นกะปีเยาะห์จึงมีความหมายมากในทางศาสนา คนที่ใส่กะปีเยาะห์ตลอดเวลาจะถูกมองว่าเป็นคนเคร่งศาสนาและได้รับการยอมรับจากคนในสังคม
กะปีเยาะห์เป็นคําที่กลายเสียงมาจากคําว่า “กูฟียะฮฺ – كُوفِيَّة” ในภาษาอาหรับ หมายถึงเมืองกูฟฟะฮฺ ในประเทศอิรัก ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตหมวกที่ดีที่สุดในสมัยราชวงศ์อับบาซียะห์ (Abbasid Caliphate 750 – 1517) โดยชาวอับบาซียะห์ได้ใช้คําว่า “กูฟียะฮฺ” ในความหมายของสิ่งที่ครอบบนศีรษะหรือหมวกนั่นเอง จากคำว่า กูฟียะห์ จึงเพี้ยนเป็น กะปีเยาะห์ ในภาษามลายูถิ่นปาตานี (อ้างอิง การผลิตหมวกกะปิเยาะห์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณค่าทางวัฒนธรรมมลายูท้องถิ่น ด้านการแต่งกายในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี) คาดว่ากะปีเยาะห์เข้ามาในมลายูตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เนื่องจากช่วงนั้นมีชาวมลายูจำนวนมากอพยพไปนครเมกกะเพื่อหนีสงครามและอีกส่วนหนึ่งอพยพเพื่อไปแสวงบุญพร้อมทั้งศึกษาวิชาความรู้ด้านอิสลาม เมื่อกลับมายังบ้านเกิดจึงได้นำหมวกแบบกะปีเยาะห์กลับมาด้วย
หมวกกะปิเยาะห์เป็นมากกว่าเครื่องแต่งกายทั่วไป แต่ยังเป็น สัญลักษณ์ทางศาสนา และวัฒนธรรมของชาวมุสลิมในชายแดนใต้ที่ยังคงอนุรักษ์และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
บทความที่น่าสนใจ
Tags: