ความประเสริฐของการซิกิรหรือการรำลึกถึงอัลลอฮ์
แนวทางของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในการซิกิร
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นผู้ที่สมบูรณ์ที่สุดในการซิกิรหรือการรำลึกถึงอัลลอฮ์ผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่ง ท่านจะรำลึกถึงอัลลอฮ์ในทุกขณะและอิริยาบท ถ้อยคำทั้งหมดของท่านเป็นการซิกิรหรือไม่ก็ออกเชิงซิกิร คำสั่ง คำห้ามและการบัญญัติของท่านเป็นซิกิร การบอกเล่าของท่านถึงพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ รวมทั้งกิริยาและบทบัญญัติต่าง ๆ ของพระองค์ก็เป็นการซิกิรต่อพระองค์ด้วย การสรรเสริญของท่านต่อพระผู้เป็นเจ้า การกล่าวตัสบีหฺ การยกย่อง การสดุดี การวอนขอ การขอดุอาอฺ การเกรงกลัว การหวังต่อพระองค์ ล้วนเป็นการรำลึกต่อพระองค์ทั้งสิ้น ขออัลลอฮ์ประทานเศาะละวาตและสันติสุขแด่ท่านนบีด้วยเถิด
ในบทนี้จะกล่าวถึงบทซิกิรตามหลักชะรีอะฮฺที่มีปรากฏในอัลกุรอานและซุนนะฮฺที่ถูกต้อง ตามที่สามารถจะกล่าวถึงได้
การซิกิรหรือการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ เป็นอิบาดะฮ์ที่ง่ายที่สุด ทว่าเป็นอิบาดะฮ์ที่ยิ่งใหญ่และประเสริฐที่สุด เพราะการเคลื่อนไหวของลิ้นนั้นเบาที่สุดกว่าการเคลื่อนของอวัยวะอื่น ๆ ทั้งสิ้น และอัลลอฮ์ก็ทรงเตรียมความประเสริฐและผลตอบแทนต่อการซิกิรไว้มากมาย ซึ่งไม่มีในอะมัลอื่น ๆ
ลักษณะการซิกิรและการขอดุอาอ์
ดั้งเดิมนั้น วิธีการซิกิรและการขอดุอาอฺคือการกล่าวอย่างลับ ๆ (ไม่กล่าวเสียงดัง) ส่วนการกล่าวซิกิรและดุอาอฺด้วยเสียงดังอย่างเปิดเผยนั้นเป็นข้อยกเว้นตามที่มีระบุในหลักศาสนาเท่านั้น
1. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
وَاذْكُر رَّبَّكَ فِي نَفْسِكَ تَضَرُّعًا وَخِيفَةً وَدُونَ الْجَهْرِ مِنَ الْقَوْلِ بِالْغُدُوِّ وَالْآصَالِ وَلَا تَكُن مِّنَ الْغَافِلِينَ
ความว่า "และจงรำลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้า ในใจของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำเกรงและโดยไม่ออกเสียงดัง ทั้งในเวลาเช้าและเย็นและจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้ที่หลงลืม" (อัล-อะอฺรอฟ 7 : 205)
2. อัลลอฮ์ได้ตรัสอีกว่า
ادْعُوا رَبَّكُمْ تَضَرُّعًا وَخُفْيَةً ۚ إِنَّهُ لَا يُحِبُّ الْمُعْتَدِينَ
ความว่า "พวกเจ้าจงวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเจ้าในสภาพถ่อมตนและปกปิด แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่ละเมิดขอบเขต" (อัล-อะอฺรอฟ 7 : 55)
ประโยชน์ของการรำลึกถึงอัลลอฮ์
การซิกิรหรือการรำลึกถึงอัลลอฮ์นั้นมีคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่มากมาย ที่สำคัญ ๆ นั้นคือ
การซิกิรนั้นสร้างความโปรดปรานต่อองค์อัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตา สามารถขับไล่ชัยฏอน ทำให้สิ่งที่ยากกลายเป็นง่ายดาย ลบความชั่วร้าย ขจัดความทุกข์โศกและความกังวลจากหัวใจ สร้างความเข้มแข็งแก่หัวใจและร่างกาย ให้รัศมีแก่หัวใจและใบหน้า เป็นเหตุแห่งการประทานริซกี ทำให้ความกลัวหมดไป และมันจะยังเป็นต้นไม้ที่ขึ้นในสวรรค์ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่อัลลอฮ์ประทานให้แก่ผู้กล่าวซิกิร
ซิกรุลลอฮฺ หรือการรำลึกถึงอัลลอฮ์ จะลบล้างความผิดบาป ทำให้รอดพ้นจากการลงโทษของพระองค์ ขจัดความรู้สึกห่างเหินระหว่างบ่าวกับอัลลอฮ์ เป็นเหตุให้อัลลอฮ์นึกถึงบ่าว เป็นเหตุแห่งความรักความเอ็นดูของพระองค์ต่อเขา เป็นการกลับตัวและใกล้ชิดต่อพระองค์ การรำลึกถึงอัลลอฮ์จะมอบความเข้มแข็งแก่ผู้กล่าวรำลึก ทำให้เขาเหมือนได้เสื้อคลุมแห่งความน่าเกรงขามและความเจิดจรัส และมันเป็นเหตุแห่งการลงมาของความสงบแก่ผู้กล่าวรำลึก ความเมตตาที่ล้นเปี่ยม และเหล่ามลาอิกะฮฺที่คอยห้อมล้อม และอัลลอฮ์จะทรงกล่าวถึงพวกเขาให้ผู้ที่อยู่ ณ พระองค์ได้ฟัง พระองค์จะทรงอวดพวกเขาแก่บรรดามลาอิกะฮฺ ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ์จึงสั่งใช้ให้เราหมั่นรำลึกถึงพระองค์อย่างสม่ำเสมอ
อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اذْكُرُوا اللَّهَ ذِكْرًا كَثِيرًا
ความว่า "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงรำลึกถึงอัลลอฮฺโดยการรำลึกอย่างมากมาย" (อัล-อะหฺซาบ 33 : 41)
وَسَبِّحُوهُ بُكْرَةً وَأَصِيلًا
ความว่า "และแซ่ซ้องสะดุดีพระองค์ทั้งยามเช้าและยามเย็น" (อัล-อะหฺซาบ 33 : 42)
อัล-บากิยาต อัศ-ศอลิหาต (บทซิกิรที่ดีซึ่งจะมีคุณค่ายั่งยืนถึงอาคิเราะฮ์)
1. سبحان الله "ซุบหานัลลอฮฺ" : ความหมายคือ การแสดงความบริสุทธิ์และปฏิเสธความบกพร่องและความไม่สมบูรณ์ออกจากองค์อัลลอฮ์ รวมถึงการปฏิเสธภาคีในด้านรุบูบิยฺยะฮฺ (การเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงอำนาจ ฯลฯ) ด้านอุลูฮิยฺยะฮฺ (พระผู้เป็นเจ้าผู้คู่ควรแก่การเคารพภักดีเพียงพระองค์เดียว) และด้านอัล-อัสมาอฺ วะ อัศ-ศิฟาต (พระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮ์)
2. الحمد لله "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" : ความหมายคือ การยืนยันถึงการสรรเสริญสดุดีทุกประการแด่อัลลอฮ์ พระองค์คือผู้ถูกสดุดีในซาต (ตัวตน) ของพระองค์ อัสมาอฺ (พระนาม) และ ศิฟาต (คุณลักษณะ) ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ถูกสดุดีในกิริยาต่างๆ และการประทานของพระองค์ รวมทั้งในศาสนาและบทบัญญัติของพระองค์
3. لا إله إلا الله "ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ" : ความหมายคือ ไม่มีพระเจ้าผู้ถูกเคารพภักดีอันเที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮ์ นั่นคือการปฏิเสธการอิบาดะฮ์ต่อสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งมวล และยืนยันการอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์เพียงผู้เดียวโดยปราศจากภาคีใดๆ ทั้งสิ้น
4. الله أكبر "อัลลอฮุ อักบัร" : ความหมายคือ การยืนยันคุณลักษณะแห่งความเกรียงไกร ความยิ่งใหญ่ และความทรนง แด่อัลลอฮ์เพียงพระองค์เดียวโดยปราศจากภาคีใดๆ ทั้งสิ้น
5. لا حول ولا قوة إلا بالله "ลาเหาละ วะลา กุ๊วฺวะตา อิลลา บิลลาฮฺ" : ความหมายคือ อัลลอฮ์เท่านั้นคือเจ้าของผู้ทรงสามารถและทรงพลังอำนาจ ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใดๆ ได้นอกจากอัลลอฮ์ และเราไม่สามารถกระทำการใด ๆ ได้นอกจากด้วยการช่วยเหลือแห่งพระองค์
ความประเสริฐของการรำลึกถึงอัลลอฮ์
1. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
فَٱذۡكُرُونِيٓ أَذۡكُرۡكُمۡ وَٱشۡكُرُواْ لِي وَلَا تَكۡفُرُونِ
คำอ่าน: ฟัซกุรูนี อัซกุรกุม วัชกุรู ลี วะลา ตักฟุรูน
ความว่า "ดังนั้นพวกเราจงรำลึกถึงข้าเถิด ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้า และจงขอบคุณข้าเถิด และจงอย่าเนรคุณต่อข้าเลย" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 2 : 152)
2. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ وَتَطۡمَئِنُّ قُلُوبُهُم بِذِكۡرِ ٱللَّهِۗ أَلَا بِذِكۡرِ ٱللَّهِ تَطۡمَئِنُّ ٱلۡقُلُوبُ
คำอ่าน: อัลละซีนะ อามะนู วะตัฏมะอินนุ กฺุลูบุฮุม บิซิกริล ลาฮ์ ^ อะลา บิซิกริล ลาฮิ ตัฏมะอินนุล กฺุลูบ
ความว่า "บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์ พึงทราบเถิด! ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์นั้นทำให้จิตใจสงบ" (อัร-เราะอฺดฺ 13 : 28)
3. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
إِنَّ ٱلۡمُسۡلِمِينَ وَٱلۡمُسۡلِمَٰتِ وَٱلۡمُؤۡمِنِينَ وَٱلۡمُؤۡمِنَٰتِ وَٱلۡقَٰنِتِينَ وَٱلۡقَٰنِتَٰتِ وَٱلصَّٰدِقِينَ وَٱلصَّٰدِقَٰتِ وَٱلصَّٰبِرِينَ وَٱلصَّٰبِرَٰتِ وَٱلۡخَٰشِعِينَ وَٱلۡخَٰشِعَٰتِ وَٱلۡمُتَصَدِّقِينَ وَٱلۡمُتَصَدِّقَٰتِ وَٱلصَّٰٓئِمِينَ وَٱلصَّٰٓئِمَٰتِ وَٱلۡحَٰفِظِينَ فُرُوجَهُمۡ وَٱلۡحَٰفِظَٰتِ وَٱلذَّٰكِرِينَ ٱللَّهَ كَثِيرٗا وَٱلذَّٰكِرَٰتِ أَعَدَّ ٱللَّهُ لَهُم مَّغۡفِرَةٗ وَأَجۡرًا عَظِيمٗا
คำอ่าน: อินนัล มุสลิมีนะ วัลมุสลิมาติ วัลมุอ์มินีนะ วัลมุอ์มินาติ วัลกฺอนิตีนะ วัลกฺอนิตาติ วัศศอดิกฺีนะ วัศศอดิกฺอติ วัศศอบิรีนะ วัศศอบิรอติ วัลคอชิอฺีนะ วัลคอชิอฺาติ วัลมุตะศ็อดดิกฺีนะ วัลมุตะศ็อดดิกฺอติ วัศศออิมีนะ วัศศออิมาติ วัลฮาฟิซฺีนะ ฟุรูญะฮุม วัลฮาฟิซฺอติ วัซซากิรีนัล ลอฮะ กะษีเรอ์า วัซซากิรอติ อะอฺัดดัล ลอฮุ ละฮุม มัฆฟิเราะเตา วะอัจญ์ร็อน อฺะซฺีมา
ความว่า "แท้จริง บรรดาผู้นอบน้อมชายและหญิง บรรดาผู้ศรัทธาชายและหญิง บรรดาผู้ภักดีชายและหญิง บรรดาผู้สัตย์จริงชายและหญิง บรรดาผู้อดทนชายและหญิง บรรดาผู้ถ่อมตัวชายและหญิง บรรดาผู้บริจาคทานชายและหญิงบรรดาผู้ถือศีลอดชายและหญิง บรรดาผู้รักษาอวัยวะเพศของพวกเขาที่เป็นชายและหญิง บรรดาผู้รำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมากที่เป็นชายและหญิงนั้น อัลลอฮ์ได้ทรงเตรียมไว้สำหรับพวกเขาแล้ว ซึ่งการอภัยโทษและรางวัลอันใหญ่หลวง่" (อัล-อะห์ซาบ 33 : 35)
4. จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า
«يَـقُولُ الله تَعَالَى: أَنَا عِنْدَ ظَنِّ عَبْدِي بِي، وَأَنَا مَعَهُ إذَا ذَكَرَنِي، فَإنْ ذَكَرَنِي فِي نَفْسِهِ ذَكَرْتُـهُ فِي نَفْسِي، وَإنْ ذَكَرَنِي فِي مَلإٍ ذَكَرْتُـهُ فِي مَلإٍ خَيْرٍ مِنْـهُـمْ، وَإنْ تَقَرَّبَ شِبراً إلَيَّ تَقَرَّبْتُ إلَيهِ ذِرَاعاً، وَإنْ تَقَرَّبَ إلَيَّ ذِرَاعاً تَقَرَّبْتُ إلَيهِ بَاعاً، وَإنْ أَتَانِي يَـمْشِي أَتَيْتُـهُ هَرْوَلَةً».
ความว่า "อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า 'แท้จริง ข้าจะอยู่ ณ ที่บ่าวของข้าที่เขาได้คาดคิดต่อข้า และข้าจะระลึกถึงเขาเมื่อเขาระลึกถึงข้า เมื่อเขาระลึกถึงข้าในตัว(ในใจ)เขา ข้าก็จะระลึกถึงเขาในตัวข้า เมื่อเขากล่าวระลึกถึงข้าในหมู่ชนใดๆ ข้าจะกล่าวถึงเขาต่อหมู่ชนที่ดีกว่าพวกเขา หากเขาใกล้ชิดข้าเพียงคืบหนึ่ง ข้าจะใกล้ชิดเขาหนึ่งศอก หากเขาใกล้ชิดข้าหนึ่งศอก ข้าจะใกล้ชิดเขาหนึ่งวา หากเขามาหาข้าด้วยการเดิน ข้าจะก็ไปหาเขาด้วยการวิ่ง'" (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 7405, มุสลิม หมายเลข 2675)
5. จากอบู มูซา เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า
«مَثَلُ الَّذِي يَذْكُرُ رَبَّهُ وَالَّذِي لا يَذْكُرُ رَبَّهُ مَثَلُ الحَيِّ وَالمَيِّتِ»
ความว่า "เปรียบผู้ที่กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์และผู้ที่ไม่กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ เสมือนคนเป็นและคนตาย" (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 6407)
ความประเสริฐของสถานที่ที่มีการรำลึกถึงอัลลอฮ์
รายงานจาก อบูมุสลิม อัล-อะฆ็อรฺ กล่าวว่า ฉันขอเป็นสักขีพยานให้กับอบูฮุร็อยเราะฮฺ และ อบูสะอีด อัล-คุดรีย์ ว่าทั้งสองได้สาบานว่าได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
«لا يَـقْعُدُ قَومٌ يَذْكُرُونَ الله عَزَّ وَجَلَّ إِلَّا حَفَّتْـهُـمُ الملائِكَةُ، وَغَشِيَتْـهُـمُ الرَّحْـمَةُ، وَنَزَلَتْ عليهمُ السَّكِينةُ، وَذَكَرَهُـمُ الله فِيْـمَنْ عِنْدَهُ».
ความว่า "ไม่มีกลุ่มชนที่นั่งรำลึกถึงอัลลอฮ์ อัซซะวะญัลฺ (ผู้ทรงเดชานุภาพและยิ่งใหญ่) เว้นแต่มลาอิกะฮฺจะห้อมล้อมพวกเขา ความเมตตาจะปกคลุมพวกเขา และ อัส-สะกีนะฮฺ (ความสงบ) จะลงมายังพวกเขา และอัลลอฮ์จะทรงกล่าวถึงพวกเขาแก่บรรดาผู้ที่อยู่ ณ พระองค์" (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2700)
จำเป็นต้องกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์และเศาะละวาตต่อนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในทุก ๆ ที่ชุมนุม
1. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
وَٱذۡكُرِ ٱسۡمَ رَبِّكَ وَتَبَتَّلۡ إِلَيۡهِ تَبۡتِيلٗا
คำอ่าน: วัซกุริส มะ ร็อบบิกะ วะตะบัตตัล อิลัยฮิ ตับตีลา
ความว่า "และจงกล่าวรำลึกถึงพระนามของพระผู้เป็นเจ้าของเจ้า และจงตั้งจิตมั่น(เคารพภักดีอย่างแน่วแน่)ต่อพระองค์อย่างมั่นคง" (อัล-มุซซัมมิล 73 : 8)
2. จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งได้กล่าวว่า
«مَا جَلَسَ قَومٌ مَـجْلِساً لَـمْ يَذْكُرُوا الله فِيهِ، وَلَـمْ يُصَلُّوا عَلَى نَبِيِّهِـمْ، إلا كَانَ عَلَيهِـمْ تِرَةً، فَإنْ شَاءَ عَذَّبَـهُـمْ، وَإنْ شَاءَ غَفَرَ لَـهُـمْ».
ความว่า "ไม่มีกลุ่มชนใดที่นั่ง ณ ที่ชุมนุมใด ซึ่งพวกเขาไม่มีการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ และไม่มีการเศาะละวาตต่อนบีของพวกเขา เว้นแต่จะเป็นความบกพร่อง(ความเสียใจ ความเสียดาย)แก่พวกเขา(เพราะการที่พวกเขาแยกย้ายไปโดยไม่มีการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์) และหาก(อัลลอฮ์)ประสงค์พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกเขา และหากทรงประสงค์ก็จะทรงอภัยให้พวกเขา" (หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอะห์มัด หมายเลข 9580 ดู อัส-สิลสิละฮฺ อัศ-เศาะฮีหะฮฺ หมายเลข 74, และอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3380 และนี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน)
3. จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า
«مَا مِنْ قَومٍ يَـقُومُونَ مِنْ مَـجْلِسٍ لا يَذْكُرُونَ الله فِيهِ إلَّا قَامُوا عَنْ مِثْلِ جِيفَةِ حِـمَارٍ، وَكَانَ لَـهُـمْ حَسْرَةً».
ความว่า "ไม่มีกลุ่มชนใดที่ลุกขึ้นมาจากการนั่งชุมนุมหนึ่งๆ ซึ่งพวกเขาไม่กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ ณ ที่นั้น เว้นแต่ได้ลุกขึ้นประหนึ่งการลุกขึ้นจาก(การล้อมวง)มูลของลา และมันจะกลายเป็นความโศกเศร้าเสียดายแก่พวกเขา" (หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดย อบู ดาวูด หมายเลข 4855 นี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน และอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3380)
ความประเสริฐของการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างสม่ำเสมอ
1. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
إِنَّ فِي خَلۡقِ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضِ وَٱخۡتِلَٰفِ ٱلَّيۡلِ وَٱلنَّهَارِ لَأٓيَٰتٖ لِّأُوْلِي ٱلۡأَلۡبَٰبِ
คำอ่าน: อินนะ ฟี ค็อลกฺิส สะมาวาติ วัลอัรฎิ วัคติลาฟิล ลัยลิ วันนะฮาริ ละอายาติล ลิอุลิล อัลบาบ
ความว่า "แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการที่กลางวันและกลางคืนตามหลังกันนั้น แน่นอนมีหลายสัญญาณสำหรับผู้มีปัญญา" (อาล อิมรอน 3 : 190)
ٱلَّذِينَ يَذۡكُرُونَ ٱللَّهَ قِيَٰمٗا وَقُعُودٗا وَعَلَىٰ جُنُوبِهِمۡ وَيَتَفَكَّرُونَ فِي خَلۡقِ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضِ رَبَّنَا مَا خَلَقۡتَ هَٰذَا بَٰطِلٗا سُبۡحَٰنَكَ فَقِنَا عَذَابَ ٱلنَّارِ
คำอ่าน: อัลละซีนะ ยัซกุรูนัล ลอฮะ กฺิยาเมา วะกฺุอฺูเดา วะอฺะลา ญุนูบิฮิม วะยะตะฟักกะรูนะ ฟี ค็อลกฺิส สะมาวาติ วัลอัรฎิ ร็อบบะนา มา เคาะลักฺตะ ฮาซา บาฏิลัน สุบฮานะกะ ฟะกฺินา อฺะซาบัน นาร
ความว่า "คือบรรดาผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮ์ ทั้งในสภาพยืน และนั่ง และในสภาพที่นอนตะแคง และพวกเขาพินิจพิจารณากันในการสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดิน (โดยกล่าวว่า) โอ้พระเจ้าของพวกเข้าพระองค์ พระองค์มิได้ทรงสร้างสิ่งนี้มาโดยไร้สาระ มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน โปรดทรงคุ้มครองพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิดด" (อาล อิมรอน 3 : 191)
2. อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า
فَإِذَا قُضِيَتِ ٱلصَّلَوٰةُ فَٱنتَشِرُوا۟ فِى ٱلْأَرْضِ وَٱبْتَغُوا۟ مِن فَضْلِ ٱللَّهِ وَٱذْكُرُوا۟ ٱللَّهَ كَثِيرًۭا لَّعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ
ความว่า "ต่อเมื่อการละหมาดได้สิ้นสุดลงแล้วก็จงแยกย้ายกันไปตามแผ่นดิน และจงแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ์ และจงรำลึกถึงอัลลอฮ์ให้มาก ๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ" (อัล-ญุมุอะฮฺ 62 : 10)
3. จากอับดุลลอฮฺ บิน บุสรฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า
أن رجلاً قال: يا رسول الله إنَّ شرائع الإسلام قد كثرت عَلَيَّ فأخبرني بشيء أَتَشَبَّثُ به قال: «لا يَزَالُ لِسَانُكَ رَطْباً مِنْ ذِكْرِ الله».
ความว่า ได้มีชายคนหนึ่งกล่าวว่า โอ้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ แท้จริงแล้วบทบัญญัติของอิสลามนั้นดูมากมายแก่ฉันเหลือเกิน ดังนั้นขอท่านชี้แนะสิ่งหนึ่งที่ฉันจะได้ใช้ยึดมั่นกับมันด้วยเถิด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบว่า "จงให้ลิ้นของท่านเปียกชุ่มด้วยการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์อยู่เสมอ" (หะดีษ เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3375 นี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน และอิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 3793)
4. จากอบู อัด-ดัรดาอ์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านได้กล่าวว่า
«أَلَا أُنَبِّئُكُمْ بِـخَيرِ أَعْمَالِكُمْ، وَأزْكَاهَا عِنْدَ مَلِيكِكُمْ، وَأَرْفَعِهَا فِي دَرَجَاتِكُمْ، وَخَيرٌ لَكُمْ مِنْ إنْفَاقِ الذَّهَبِ وَالوَرِقِ، وَخَيرٌ لَكُمْ مِنْ أَنْ تَلْقَوْا عَدُوَّكُمْ فَتَضْرِبُوا أَعْنَاقَهُـمْ وَيَضْرِبُوا أَعْنَاقَكُمْ» قَالُوا: بَلَى قَالَ: «ذِكْرُ الله تعالى».
ความว่า "เอาไหม ฉันจะแจ้งแก่พวกท่านถึงอะมัลที่ดีที่สุดของพวกท่าน เป็นอะมัลที่บริสุทธิ์ที่สุด ณ พระผู้อภิบาลของพวกท่าน เป็นอะมัลที่สูงส่งยิ่งสำหรับการยกระดับขั้นของพวกท่าน ดีกว่าการจ่ายทานทองคำและเงิน และดีกว่าการที่พวกท่านต้องเจอเหล่าศัตรูแล้วพวกท่านต้องฟันคอพวกเขาและพวกเขาก็ฟันคอพวกท่าน" พวกเขา(เหล่าเศาะหาบะฮฺ)กล่าวตอบว่า "แน่นอน (เราทุกคนอยากทราบ)" ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า "นั่นคือการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์" (หะดีษเศาะหี้หฺ บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 3377 และนี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน และอิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 3790)
5. จากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา เล่าว่า
كان النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم يَذْكُرُ الله عَلَى كُلِّ أَحْيَانِـهِ.
ความว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นจะกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ในทุกๆ สภาพ(อิริยาบท)ของท่าน (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 373)
credit: islamhouse
บทความที่น่าสนใจ
Tags: