8 วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักแบบ Low Impact
เปิดวิธีออกกำลังกายแบบ Low Impact สำหรับคนที่อยากออกกำลังกายแบบเซฟเข่า ลดแรงกระแทกระหว่างออกกำลังกาย ทั้งคนที่อ้วนมากเกินไป หรือคนที่เข่าเริ่มไม่ดี ออกกำลังกายแบบนี้คือตอบโจทย์เลย
ใช่ว่าการออกกำลังกายเพื่อลดนํ้าหนักหรือออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความฟิตต้องทุ่มแรง ทุ่มทั้งร่างเสมอไป เพราะสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือสูงอายุแล้ว หรือแม้กระทั่งวัยทำงานเองจะให้มาออกกำลังกายแบบมีแรงกระแทกต่อเข่ารัว ๆ ก็คงไม่ค่อยไหว แต่แล้ววิธีออกกำลังกายแบบไหนดีล่ะที่จะช่วยเราลดแรงกระแทก ให้เราออกกำลังกายแบบเบา ๆ แต่ลดน้ำหนักได้ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและฟิตสุขภาพได้ในคราวเดียวกัน คำตอบคือการออกกำลังกายแบบ Low Impact ไงล่ะคะ
วิธีออกกำลังกายแบบ Low Impact มาแชร์ด้วย ตามนี้เลยจ้า
1. เดินออกกำลังกาย
เชื่อไหมคะว่าแค่ตั้งใจเดินให้มากขึ้นกว่าปกติ นี่ก็เป็นวิธีออกกำลังกายที่ช่วยฟิตสุขภาพเราอย่างมากมายแล้ว โดยคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย อาจจะลองเดินออกกำลังกายวันละ 10 นาทีในช่วงแรก ๆ แล้วค่อยท้าทายตัวเองให้เดินนานขึ้นในทุกสัปดาห์ เช่น จาก 10 นาที เป็น 20 นาที เรื่อย ๆ ไปจนเดินได้เป็นชั่วโมง ซึ่งการพัฒนาตัวเองแบบนี้ก็จะช่วยให้ร่างกายคุ้นชินกับการออกกำลังกาย ระบบเผาผลาญเริ่มทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น ยิ่งหากเราเพิ่มลูกเล่นให้การเดินเป็นเดินช้าสลับเร็ว เดินขึ้น-ลงบันไดก็จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญมากขึ้นไปอีกด้วยนะ ที่สำคัญการเดินยังเป็นวิธีออกกำลังกายที่ไม่ค่อยมีแรงกระแทกต่อเข่ามากนักอีกต่างหาก
- 9 เหตุผลที่ควรลุกขึ้นมาก้าวเดิน พร้อมเทคนิคเดินอย่างถูกวิธี
- 5 เหตุผลชวนเดินออกกำลัง 9,900 ก้าวต่อวัน
- เดินให้มากขึ้น 10 นาทีต่อวัน แล้วสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นกับตัวเอง !
- เดินออกกำลัง 10,000 ก้าว เผาผลาญไขมันกระจาย ป้องกันโรคได้เพียบ !
- 3 โปรแกรมเดินลดน้ำหนัก 7 วัน จันทร์-อาทิตย์ รีดไขมันกระจาย !
- 7 โปรแกรมเดินลดน้ำหนักใน 10 นาที เปลี่ยนหุ่นเสียเป็นหุ่นดีฉบับคนขี้เกียจ
- โปรแกรมเดินลดไขมันสำหรับผู้หญิง 8 สัปดาห์ น้ำหนักลด 5 กิโลกรัม จัดไปด่วน !
- 9 วิธีเดินลดพุง สลายไขมันหน้าท้อง หุ่นฟิตเฟิร์ม สร้างง่ายกว่าที่คิด !
2. โยคะ
โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เหนื่อยมาก ไม่ต้องออกแรงมาก แต่ได้ประสิทธิภาพไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะทั้งช่วยฝึกสมาธิ ช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อต่าง ๆ เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยคลายเครียดได้อีกด้วยล่ะ
อ้อ ! และสำหรับคนอยากโยคะลดน้ำหนัก ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้...
- 11 ประโยชน์ของโยคะกับสุขภาพของผู้หญิง รู้แล้วไม่ทำถือว่าพลาดมาก
- 8 ท่าโยคะคนอ้วน สำหรับสาวบิ๊กไซส์เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย
- โยคะลดน้ำหนัก 6 ท่าฟิตหุ่นสวย ได้ผลจริง !
- 7 ท่าโยคะลดคอเลสเตอรอล เบิร์นไขมันวายร้ายให้กระจุย
- โยคะลดต้นขา กระชับสะโพก 7 ท่า โบกมือลาขาท่อนซุง สะโพกกะละมัง
3. ปั่นจักรยาน
ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานบนเครื่องเล่นหรือการปั่นจักรยานจริง ๆ ก็ช่วยเราเบิร์นแคลอรีได้ทั้งนั้น โดยที่เท้าแทบไม่ต้องแตะพื้นเลยค่ะ และการปั่นจักรยานยังช่วยคลายเครียดได้ด้วยนะ โดยเฉพาะการปั่นจักรยานไปด้วยสูดอากาศและดูวิวรายทางไปด้วย คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการออกกำลังกายโดยที่ลืมคิดถึงความเหนื่อย ความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อไปเลย
- วิธีปั่นจักรยานอย่างปลอดภัย ปั่นอย่างไรให้ได้สุขภาพแบบเซฟ ๆ
- 5 เหตุผลนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีที่ได้ปั่นจักรยาน
- 9 เคล็ดลับปั่นจักรยานลดน้ำหนัก รู้ไว้ซะถ้าอยากผอมเร็ว
4. ว่ายน้ำ
นี่ก็เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ช่วยลดน้ำหนักได้ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและปอดได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแรงกระแทก เพราะน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักตัวของเราเอาไว้ ในขณะที่การเคลื่อนไหวร่างกายในน้ำก็จะเกิดแรงต้านทาน เปิดโอกาสให้เราได้ออกแรงมากขึ้นไปด้วย ใครที่ไม่ชอบเหงื่อชุ่ม ๆ ในระหว่างออกกำลังกายลองว่ายน้ำก็ดีนะคะ
- ว่ายน้ำแล้วผอมเร็วขึ้นจริงไหม? ยังไงมาดูกัน
- ว่ายน้ำลดน้ำหนัก แต่ละท่าเผาผลาญได้กี่แคลอรี พร้อมวิธีเบิร์นให้ได้มากขึ้น
5. เซอร์กิตเทรนนิ่ง
เซอร์กิตเทรนนิ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่างเวทเทรนนิ่งและการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ โดยเป็นการออกกำลังกายหลาย ๆ ท่า โดยหยุดพักระหว่างท่าให้น้อย ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจไต่ถึงระดับเผาผลาญไขมันได้อย่างรวดเร็วและมีความต่อเนื่อง และการออกกำลังกายแบบเซอร์กิตเทรนนิ่งยังนับเป็นการออกกำลังกายครบวงจร ที่ช่วยให้เราได้ฟิต แอนด์ เฟิร์มได้หลายสัดส่วนในคราวเดียวกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก ๆ ให้เสี่ยงต่อเข่าและข้อต่อ
6. วิ่งบนเครื่องเดินวงรี (Elliptical)
สำหรับคนที่สังขารไม่ให้ แต่ใจยังอยากวิ่ง แนะนำให้ไปวิ่งบนเครื่องเดินวงรี หรือเครื่องออกกำลังกาย Elliptical เลยค่ะ วิ่งวนไปให้ได้นานที่สุด หรืออย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 30 นาที และหากอยากให้การออกกำลังกายครั้งนี้มีคุณภาพมากขึ้นก็ลองปรับเพิ่มแรงต้านทานให้มากขึ้นได้ ท้าทายตัวเองไปอีกแบบ
7. ยกเคตเทิลเบล (Kettlebell)
เคตเทิลเบลเป็นอุปกรณ์ยกน้ำหนักชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์กับการออกกำลังกายมาก โดยเว็บไซต์ Health ได้อ้างงานวิจัยที่เผยว่า การยกเคตเทิลเบลเป็นประจำก็ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจไต่ถึงระดับเบิร์นไขมันได้ประมาณ 12.5 กิโลแคลอรีต่อนาที หรือเบิร์นไขมันได้เทียบเท่ากับการจ๊อกกิ้ง แถมยังช่วยเสริมความเข็งแรงของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่ต้องใช้แรงกระแทกใด ๆ ให้เสี่ยงต่อข้อและเข่าเลย
8. ออกกำลังกายแบบ Barre
สำหรับคนที่อยากเพิ่มความสมดุลของร่างกาย และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อไปด้วยในตัว แนะนำให้ลอง Barre เลยค่ะ เพราะ Barre เป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานทั้งบัลเลย์ โยคะ พิลาทิส และท่ายืดหยุ่นกล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน ซึ่งจะให้ผลดีทั้งในเรื่องเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และบุคลิกภาพที่สวยงาม โดยการออกกำลังกายแบบ Barre จะใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายเป็นบาร์ เสื่อโยคะ ดัมเบล หรือหากออกกำลังกายที่บ้านก็สามารถใช้เก้าอี้แทนบาร์ได้
คราวนี้เราก็จะไม่มีข้ออ้างแนว ๆ ว่าน้ำหนักตัวเยอะ ออกกำลังกายลำบาก ข้อเข่าไม่ดี ออกกำลังกายไม่ค่อยได้กันอีกแล้วเนอะ เพราะ 8 วิธีนี้แหละที่จะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายอย่างปลอดภัยต่อข้อเข่าและกระดูก
ข้อมูลจาก : kapook.com
Tags: