นานาชาติประท้วงแรง ต้านทรัมป์ รับรอง“เยรูซาเลม”เป็นเมืองหลวงอิสราเอล
นักวิเคราะห์เกรงว่าสถานการณ์ประท้วงนายทรัมป์ในหลายพื้นที่อาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นนองเลือด ขณะที่ผู้นำประเทศต่างๆ รวมถึงโป๊บฟรานซิส ล้วนออกมาคัดค้านนายทรัมป์เช่นกัน
ประชาชนในหลายประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ได้แก่ ตุรกี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมถึงกลุ่มชาวมุสลิมในประเทศแถบยุโรป รวมตัวกันประท้วงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ซึ่งประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (6 ธันวาคม) ส่วนชาวปาเลสไต์ในฝั่งเวสต์แบงก์ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับนครเยรูซาเลมฝั่งตะวันออกได้รวมตัวประท้วงจุดไฟเผารูปภาพนายทรัมป์ และประกาศว่าจะต่อต้านมติดังกล่าวของสหรัฐฯ จนถึงที่สุด
ส่วนชาวเมืองเบธเลเฮมในฝั่งปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซูคริสต์ ก็ได้ประท้วงนายทรัมป์ด้วยการยกเลิกการประดับไฟต้นคริสต์มาสเช่นกัน และนักวิเคราะห์ในสื่อต่างประเทศหลายสำนักเกรงว่าความไม่พอใจของกลุ่มผู้ประท้วงอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นนองเลือดในเวลาอันใกล้นี้ได้
นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ตรัสว่าพระองค์ไม่อาจนิ่งเฉยต่อกรณีนี้ได้ และทรงย้ำว่านครเยรูซาเลมเป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง ไม่เฉพาะกับศาสนายูดายหรือศาสนาอิสลาม แต่รวมถึงศาสนาคริสต์ด้วย การตัดสินใจดำเนินการใดๆ ก็ตาม ต้องยึดมั่นตามมติของสหประชาชาติและคำนึงถึงสันติสุขของผู้คนในพื้นที่ พระองค์จึงทรงกังวลต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้เป็นอย่างมาก และทรงภาวนาให้สติปัญญาและความตระหนักรู้ปรากฏขึ้นในท้ายที่สุด
ด้านนายอันตอนิอู กูแตร์รีช เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ประณามว่าการตัดสินใจของนายทรัมป์จะนำไปสู่ความตึงเครียดขั้นรุนแรง และเขายังย้ำให้สหรัฐฯ ยึดมั่นในแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งตะวันออกกลางด้วยการการผลักดันให้อิสราเอลและปาเลสไตน์ยอมรับระบบการปกครองแบบ 2 รัฐ พร้อมทั้งย้ำว่ากระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางไม่มีแผนสำรอง และต้องยึดมั่นในระบบ 2 รัฐต่อไป
ส่วนผู้นำประเทศที่แสดงความเห็นคัดค้านนายทรัมป์ รวมถึงสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์แห่งประเทศจอร์แดน นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประธานสหภาพยุโรป รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี จีน
ขณะที่นายมาห์มุด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ระบุว่านายทรัมป์ผิดคำมั่นสัญญาที่เคยระบุเอาไว้ว่า สหรัฐฯ จะดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับนครเยรูซาเลมก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากปาเลสไตน์และอิสราเอลเท่านั้น
ที่มา: VoiceTV
Tags: