(7 ธ.ค.) สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วง และกองทัพทหารอิสราเอลหลายร้อยคน ในเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา เพื่อต่อต้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากรับรองเยรูลาเซมเป็นเหมืองหลวงของอิสราเอล ทำให้มีผู้ประท้วงบาดเจ็บ 17 คน จากการยิงของกองทัพอิสราเอล มีบางส่วนได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้

โฆษกกองทัพกล่าวว่า ทหารใช้เครื่องปราบจลาจลแก่ฝูงชนที่ประท้วงด้วยการขว้างปาก้อนหินใส่กองทัพ

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เปิดแถลงข่าวยืนยันลงนามในประกาศรับรองว่า นครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล แม้ว่าจะมีเสียงทักท้วงจากทั้งชาติพันธมิตรอาหรับ ประเทศในตะวันออกกลาง และยุโรป

การลงนามครั้งนี้ เป็นการแหกกฎหมายนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยทรัมป์อ้างว่าการรับรองจะขยับกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ไปได้ นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า มีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มเตรียมการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็มแล้ว

อย่างไรก็ตาม การประกาศรับรองสถานะของนครเยรูซาเล็ม เป็นการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ตามที่เคยประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงว่าจะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นสิ่งที่อิสราเอลปรารถนามาเป็นเวลานาน

ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาขานรับคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นวันประวัติศาสตร์และอิสราเอลรู้สึกซาบซื้งต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอย่างมาก แต่เกิดเสียงคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศว่า การกระทำของทรัมป์จะกระทบการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง