ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศรับรองให้นครเยรูซาเลม เป็นเมืองหลวงใหม่ของอิสราเอล ถือเป็นการสร้างประกายแห่งความขัดแย้งรอบใหม่ในโลกอาหรับ แม้ว่าจะมีเสียงทักท้วงกระหึ่มมาจากทั้งชาติพันธมิตรอาหรับ ยุโรป ไปจนถึงชาติศัตรูอย่างอิหร่าน

โดยทรัมป์กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เรื่องนี้ควรจะเกิดขึ้น ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนเคยสัญญาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้ทำตามแผนเนื่องจากเป็นประเด็นเปราะบางของทั้งสองชาติที่ต่างอ้างสิทธิว่านครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของตน แต่ทรัมป์จะทำให้เป็นรูปธรรมตามที่เขาเคยให้คำสัญญาไว้

ทรัมป์ยังกล่าวว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการคลี่คลายสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ "อเมริกาจะอยู่เคียงข้างทั้งสองชาติ"

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเผยอีกว่า หลังจากนี้จะมีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมแผนการย้ายสถานทูตจากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเลม ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจมากต่อการตัดสินใจของนายทรัมป์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เตรียมจัดการประชุมวาระฉุกเฉินขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค. นี้ เพื่อหารือกันเรื่องที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์​ แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจรับรองนครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่มีประเทศใดทำมาก่อน

การประชุมดังกล่าวเป็นไปตามคำเรียกร้องของ 8 ประเทศ ได้แก่ โบลิเวีย, สหราชอาณาจักร, อียิปต์, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เซเนกัล, สวีเดน และอุรุกวัย ซึ่งพวกเขาขอให้นายอันโตนิโอ กูร์เตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการกล่าวเปิดประชุมด้วย

ขณะที่นายมามูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ออกมาแถลงโต้การกระทำของนายทรัมป์ทันทีว่า การกระทำของนายทรัมป์เป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายและทำลายสันติภาพของตะวันออกกลาง รวมทั้งกล่าวว่าสหรัฐไม่ใช้ผู้เหมาะสมที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพของทั้งสองชาติอีกต่อไป

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดน และประธานาธิบดีเรจิป เออร์โดอัน ของตุรกี ออกมาแถลงพร้อมกันว่า การกระทำของนายทรัมป์เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการอยู่เอ็นประณามการตัดสินใจของทรัมป์ รวมทั้งเตือนว่า สถานะของนครเยรูซาเลมต้องผผ่านการคลี่คลายจากทั้งสองชาติเท่านั้น

ด้านสันนิบาตรชาติอาหรับสันนิบาตอาหรับ เตรียมจัดประชุมฉุกเฉินในวันเสาร์นี้ เพื่อหารือท่าทีของชาติอาหรับในการรับมือกับการประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ อย่างไรก็ดีการย้ายสถานทูตอาจต้องใช้เวลาถึง 3-4 ปี ในการก่อสร้างและดำเนินการ

ที่มา: posttoday.com