หนุ่มเดือด ปะทะตำรวจ มั่นใจว่าไม่ผิด ฉะสู้งัดข้อกฎหมายเถียง ปฏิเสธไม่รับใบสั่ง
หนุ่มปะทะตำรวจ ถูกจับข้อหาบรรทุกของยื่นล้ำท้ายรถกระบะ และไม่มีสิ่งปกคลุม ชี้กฎหมายไม่ให้เกิน 2.50 แต่วัดได้ 1.70 มั่นใจตัวเองไม่ผิด ฉะสู้ตำรวจปฏิเสธไม่รับใบสั่ง
กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เมื่อชายรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ มงคล บุญศักดิ์เลิศวทยา ในวันที่ 5 สิงหาคม 2560 เป็นเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจ และได้สกัดรถกระบะที่บรรทุกท่อนเหล็ก ซึ่งเป็นรถของบุคคลในคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้ว่าตนมีความผิดฐาน บรรทุกสิ่งของที่ไม่มีสิ่งปกคลุม และยื่นล้ำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกฎหมายห้ามไม่ให้เกิน 2.50 เมตร แต่รถของตนวัดได้ 1.70 เมตร
โดยหนุ่มคนดังกล่าว ได้ถามว่ายื่นล้ำออกไปกี่เมตร แต่ไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นหนุ่มรายดังกลาวได้ยืนยันว่าตนขอไม่รับใบสั่ง แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุในใบจับกุมว่า เหล็กที่ตนบรรทุกมายื่นออกไปกี่เมตร และที่ระบุว่าไม่มีสิ่งปกคลุมให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เป็นไปตามที่แจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่
ทั้งนี้ผู้โพสต์ได้ระบุด้วยว่า เป็นพฤติกรรมตำรวจชุดกวดขันวินัยจราจร สน.วัดพระยาไกร ซึ่งตนก็ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษตำรวจชุดกวดขันวินัยจราจรทั้งชุด ฐานร่วมกันกระทำผิดละเมิดสิทธิเสรีภาพด้วยการกักขังหน่วงเหนี่ยว และกล่าวหาในความผิดที่ไม่มีระบุในกฎหมายและออกเอกสารโดยมิชอบ (ใบสั่ง) ทั้งนี้เพราะเป็นสิทธิในการต่อสู้คดีของผู้ถูกจับกุมซึ่งมีกฎหมายรับรอง
ล่าสุด หนุ่มขนเหล็กไม่รับใบสั่ง เปิดใจ หลังตำรวจจะแจ้งข้อหาบรรทุกของล้ำตัวรถเกินกำหนด แต่เจ้าตัวงัดข้อกฎหมายสู้ ชี้ ยื่นออกมาแค่ 1.70 เมตรไม่ผิด เพราะกฎหมายกำหนด 2.50 เมตร ทำตำรวจเงียบกริบ
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2560 รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV ได้รายงานบทสัมภาษณ์ นายมงคล บุญศักดิ์เลิศวิทยา อายุ 55 ปี เจ้าของคลิปดังที่มีการแชร์กันว่อนอินเทอร์เน็ต จากกรณีที่นายมงคล ถูกตำรวจเขียนใบสั่งในข้อหาบรรทุกสิ่งของโดยไม่มีสิ่งปกคลุมและยื่นล้ำออกมาจากตัวรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่รับใบสั่ง ตนเองไม่ผิด พร้อมกับงัดข้อกฎหมายมาย้อนถามตำรวจว่า สิ่งของที่ยื่นล้ำออกมานั้นกี่เมตร เพราะตนวัดมาเรียบร้อยแล้วว่ามันไม่ผิดตามกฎหมายที่กำหนดไว้ว่า 2.50 เมตร แต่ของตนคือ 1.70 เมตร
ทั้งนี้ นายมงคล ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณบ่าย 3 โมง ตนขับรถบรรทุกสเตนเลสกล่องขนาด 3 x 1.5 นิ้ว ความยาาว 6 เมตร จำนวน 4 เส้น เพื่อนำไปไซด์งานที่ถนนกาญจนาภิเษก ขณะกำลังชับรถบนถนนพระราม 3 มุ่งหน้าขึ้นสะพานกรุงเทพฯ ก็พบกับด่านตำรวจ สน.วัดพระยาไกร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนประจำการอยู่หลายนาย พร้อมกับเรียกให้ตนหยุดรถ ก่อนจะเขียนใบสั่ง 2 ข้อหา แต่ตนไม่รับใบสั่ง เพราะตนไม่ผิด และเมื่อบอกว่า สิ่งของที่ตนบรรทุกนั้นไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ตำรวจก็เงียบ เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบ ก็พร้อมจะแจ้งข้อหาแล้ว เหมือนเป็นการกล่าวหาขึ้นมาลอย ๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์
นายมงคล กล่าวต่อว่า ตนได้บอกให้เจ้าหน้าที่ทำบันทึกการจับกุมแทน เพื่อให้ตนได้มีแนวทางในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซึ่งหลังจากตนเสร็จงานในช่วงเย็น ก็ได้เดินทางไปยัง สน.วัดพระยาไกร แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินคดีกับตน ตนจึงแจ้งความกลับตำรวจยกชุด ที่กล่าวหาตนโดยที่ตนไม่มีความผิด รวมถึงพยายามข่มขู่ตนให้รับใบสั่ง ส่วนเรื่องที่ตนรู้ข้อกฎหมายนั้น เป็นเพราะว่าตนถูกจับกุมลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้ว จึงศึกษาข้อกฎหมายด้วยตัวเอง
ด้าน พ.ต.ท. นิพนธ์ กุลชฤทธิ์ รองผู้กำกับจราจร สน.วัดพระยาไกร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบความยาวของแท่งสเตนเลสแล้วพบว่าไม่มีความผิดตามกฎหมายจริง เจ้าหน้าที่จึงตัดข้อหาการบรรทุกสิ่งของล้ำจากตัวรถออก เพราะเป็นความเข้าใจผิดของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง แต่ยังมีอีก 1 ข้อหาคือ บรรทุกสิ่งของโดยไม่มีสิ่งปกคลุม ซึ่งข้อนี้นายมงคล จะต้องจ่ายค่าปรับ 500 บาท ตาม พ.ร.บ.จราจร มาตรา 20 กำหนดไว้ว่า ให้ป้องกันการตกหล่นรั่วไหล ซึ่งการป้องกันการตกหล่นก็ต้องมีการปกคลุมเพื่อให้แน่นหนา ป้องกันการลื่นไหลเป็นอันตรายกับรถคันอื่น ๆ และหากภายใน 7 วัน นายมงคลไม่เข้าไปจ่ายค่าปรับ เจ้าหน้าที่ก็จะออกหมายเรียกต่อไป
Tags: