สมองปลอดโปร่ง สุขภาพดี๊ดี ด้วยการทำโยคะเช้าแค่ 10นาที ชีวิตเปลี่ยน!
ปัญหาการตื่นเช้ายากอาจจะมีผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง แต่ถ้าเราสามารถพาตัวเองให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝึกโยคะในยามเช้าได้ เราจะได้อะไรดีๆ หลายอย่างเลย..อย่างน้อยก็ 5 สิ่งต่อไปนี้
1. สูดอากาศที่บริสุทธิ์ - หลายคนไม่คิดว่าอากาศดีๆ บริสุทธิ์จะหาได้ในกรุงเทพฯ แต่ยังมีอยู่ค่ะเพียงแต่เราต้องรีบตื่นมารับหรือสูดมันก่อนที่ชาวเมืองจะตื่น
โยคะเป็นเรื่องของการฝึกลมหายใจให้สอดประสานกับการฝึกร่างกาย ฉะนั้น ลมหายใจเข้าที่เราสูดเข้าไปตอนเช้าขณะฝึกบอกได้เลยว่าสดชื่น และไม่ได้ดีต่อใจอย่างเดียว แต่ยังดีต่อปอดมากๆ
2. ขจัดความเกียจคร้านในร่างกาย - การฝึกโยคะยามเช้าช่วยปลุกพลังงานในร่างกาย ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า เกิดการตื่นตัว และไม่ทำให้ง่วงนอนในระหว่างวัน
สำหรับบางคน รวมถึงจี๋ด้วยรู้สึกเลยว่าฝึกโยคะช่วงเช้าเรียกเหงื่อหรือเบิร์นได้มากกว่าการฝึกช่วงเย็น เมื่อเช้าเพิ่งฝึกมา เหงื่อชุ่มร่างตั้งแต่นมัสการพระอาทิตย์ B รอบแรกแล้ว..ฟินสุดๆ
3. คล่องตัวเป็นพิเศษ - การฝึกในช่วงเช้าเราจะแน่ใจได้ว่าท้องเราว่างจริงๆ เพราะการฝึกโยคะจะต้องฝึกช่วงท้องว่าง หรือให้แน่ใจว่าเรารับประทานอาหารก่อนหน้านั้นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
การฝึกในช่วงเย็นบางครั้งเราอดที่จะตามใจปากไม่ได้ กินนั่นนิด นี่หน่อยคงไม่เป็นไร แต่สุดท้ายก็ร่างกายอึดอัดเพราะอาหารยังย่อยไม่ดีพอ ทำให้การฝึกยากลำบาก โดยเฉพาะ "ท่าบิดตัว"
4. สมองปลอดโปร่ง - การฝึกโยคะไม่ต่างจากการนั่งวิปัสสนา กรรมฐาน เพียงแต่วิธีการอาจจะต่างกัน เพราะสิ่งที่เราได้จากการฝึกคือ ความนิ่ง สงบ หรือมีจิตที่เป็นสมาธินั่นเอง
เมื่อจิตปราศจากการรบกวน มันจะเริ่มคิดอะไรออก โดยเฉพาะเรื่องงาน หรือปัญหาที่เราขบไม่แตกสักที และการปฏิบัติช่วงเช้าในเมืองอันวุ่นวายเป็นเวลาที่ดี ไม่ถูกรบกวน เพราะคนเมืองเค้าตื่นสายกัน
5. มีเวลาเหลือเฟือ - วันนี้จี๋ตื่นไปฝึก 7.30 เสร็จ 9.00 น. กลับมาบ้านมีเวลาทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด และเป็นสิ่งที่คนเมืองพลาด (รู้หรือไม่ว่าการไม่ทานอาหารเช้าเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมมากๆ)
จากนั้นก็อาบน้ำและมีแพลนในหัวอีกหลายอย่างเลยว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง นอกการตื่นเช้ามันจะทำให้เราทำเป้าหมายสำเร็จเร็วแล้ว มันยังทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองจากสิ่งที่เราได้ทำอีกด้วย
เป็นไงกันบ้างคะ ถ้าใครมีเวลาก็ลองหันมาฝึกโยคะช่วงเช้าๆ ดูนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศ และรับพลังงานใหม่ๆ เพื่อความสมดุลของชีวิตค่ะ
เมื่อลุกออกจากเตียงกิจวัตรต่างๆและรายการที่ต้องทำในแต่ละวันจะประดังเข้ามาในสมองของเรา ดังนั้นเคลียร์เตียงให้โล่งๆและใช้เวลาเพียง 10 นาทีหลังจากตื่นนอนเพื่อเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่วันใหม่
เคล็ดลับ : ให้ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวต้องสัมพันธ์กับลมหายใจ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อทำให้ท้องขยาย จากนั้นก็ปล่อยลมหายใจออกยาวๆ
เริ่มจากให้คุณนอนคว่ำและทำท่าคล้ายงูเห่า หนีบข้อศอกไว้ข้างลำตัว ยื่นหน้าอกไปข้างหน้า
นอนหงายและเหยียดตัว จิกนิ้วเท้า ยกไหล่ขึ้น ให้ร่างกายทุกส่วนสัมพันธ์กัน
ยกเข่าซ้ายแตะอกและเอามือจับหน้าแข้งไว้ ค้างไว้สักครู่ ยกขาซ้ายและเอาปลายเท้าชี้ขึ้นข้างบน เกร็งและหย่อนเท้าตามจังหวะการหายใจ ทำอีกข้างด้วยขั้นตอนแบบเดียวกัน
จากนั้นเปลี่ยนมาทำท่าสะพานโค้งโดยเอาเท้าวางบนเตียงและค่อยๆดันตัวขึ้นเป็น ครึ่งวงกลม ท่านี้จะทำให้หน้าอกและไหล่กว้างขึ้น กดเท้ากับแขนลงไปอีกเพื่อให้ร่างกายเหยียดตรงยิ่งขึ้น
ได้เวลาลุกขึ้นนั่งแล้ว เอาฝ่าเท้าประกบกันจากนั้นเอามือกุมไว้รอบๆเท้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆและเงยหน้าขึ้นข้างบน จากนั้นโค้งตัวลงและก้มศีรษะลงไปที่เท้า แต่อย่าฝืนตัวเองมากเกินไปถ้าก้มได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินเอง
คราวนี้ลุกออกจากเตียงได้แล้ว ยืนบนเท้าทั้ง 2 ข้าง หันหน้าออกจากเตียงและเอนตัวไปข้างหลัง ท่านี้เรียกว่าท่าสไลด์กระดูกสันหลังส่วนท้ายสุด (กระดูกกระเบนเหน็บ)
หันหน้ากลับมาหาเตียงอีกครั้ง แต่ไม่ต้องโผเข้าหาล่ะ! ยืดแขนวางลงบนเตียง กางไหล่ออกและทำท่านี้ค้างไว้ประมาณ 30 วินาทีพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เอาล่ะคราวนี้ทำท่าโก้งโค้ง เอามือวางไว้บนพื้น กดไหล่ลงไปให้รู้สึกตึงบริเวณหัวไหล่ วางเท้าลงไปบนพื้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ค่อยๆม้วนตัวขึ้นมายืนตรงสงบนิ่ง พร้อมแล้วทั้งทางร่างกายและจิตใจเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการรู้แจ้งอย่างเต็มที่
Tags: