ความสำคัญของการแต่งงานในอิสลาม
อิสลามให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแต่งงาน และได้รับการสนับสนุนส่งเสริมอย่างมากจากหลักการศาสนา แต่ในหลายกรณีในสถานการณ์พิเศษ ถือว่าเป็นกฎข้อบังคับและเป็นหน้าที่ทางศาสนา ยกตัวอย่างเช่น การแต่งงานจะกลายเป็นข้อบังคับถ้าหากว่าเสี่ยงต่อการผิดประเวณีหรือกระทำผิด บาปในลักษณะคล้ายๆ กันนี้
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวว่า "คนที่ดีที่สุดในหมู่ประชาชาติของฉันคือผู้ที่แต่งงานและเลือกหญิงที่ดีเป็น ภรรยา และคนเลวที่สุดจากประชาชาติของฉันคือ ผู้หลีกห่างจากการแต่งงาน และใช้ชีวิตอย่างคนโสด" (มุสตัดรอกุล วะซาอิล โดยมุฮัดดิษ นูรี เล่ม 2 หน้า 531)
เมื่อมนุษย์เจริญเติบ โตขึ้นทางร่างกาย ความปรารถนาทางเพศจะเริ่มพัฒนาขึ้นทั้งในแต่ละคน เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายจะเริ่มมีความดึงดูดใจซึ่งกันและกัน ซึ่งความรู้สึกนี้จะพัฒนาขึ้นช้าๆ จนกลายเป็นความกดดันทางจิต ความรู้สึกทางธรรมชาตินี้จะค่อยๆ หาทางระบายออกในรูปแบบใดก็ตามที่เป็นไปได้ น่าเศร้าใจที่ผลของมันทำให้ยุวชนหันเหออกไปจากหนทางที่ถูกต้อง และปล่อยใจตัวเองไปในลักษณะที่ไม่ถูกต้องและไม่พึงปรารถนา
ก่อนที่จะกลายเป็น เหยื่อของความราคะที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมนี้ พวกเขาควรจะแต่งงานและสงบใจลงเสียดีกว่า ด้วยเหตุนี้เอง ผู้นำอิสลามจึงแนะนำให้มุสลิมปฏิบัติตามแบบอย่างที่สำคัญที่สุดของท่าน ศาสดา(ศ.) ดังที่ท่านศาสดา(ศ.) กล่าวว่า
"โอ้คนหนุ่มสาว ใครก็ตามในหมู่พวกเธอที่สามารถแต่งงานได้ ก็ควรจะแต่งงานเสีย เพราะการแต่งงานจะช่วยปกป้องสายตาของพวกเธอ (จากการกระทำบาปด้วยการจ้องมองกันในที่ลับด้วยอารมณ์ราคะ)" (มะการีมุล อักลาก)
อิมามญะอ์ฟัร ศอดิก(อ.) ได้รายงานว่า วันหนึ่งท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ.) ได้กล่าวบนแท่นเทศนาว่า "โอ้ประชาชน ญิบรีลได้นำบัญชาหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้ามายังฉัน โดยแจ้งว่า หญิงสาวนั้นเป็นเช่นเดียวกับผลไม้ ถ้าหากไม่ถูกเก็บในเวลาที่เหมาะสม มันก็จะเน่าเสียเพราะรังสีจากดวงอาทิตย์ และเพียงลมพัดเบาๆ มันก็จะร่วงหล่นลงจากต้น หญิงสาวก็คล้ายคลึงกันนี้ เมื่อพวกนางถึงวัยสาว พวกนางจะพัฒนาอารมณ์ทางเพศขึ้นเช่นเดียวกับสตรีเพศทั้งหลาย และไม่มีอะไรจะบำบัดเยียวยาได้นอกจากสามีของนาง ถ้าหากพวกนางไม่ได้แต่งงาน การป้องกันความประพฤติที่ผิดบาปก็จะกลายเป็นเรื่องยาก เพราะแท้จริงแล้ว พวกนางเป็นมนุษย์ปุถุชน และไม่มีมนุษย์คนใดหลุดพ้นจากชั่วร้ายได้" (ฟุรู อิ กาฟี เล่ม 5 หน้า 337)
การแต่งงานทำให้จิตใจ ของมนุษย์สงบนิ่ง และมีสมาธิในการปฏิบัติหน้าที่ของตนในด้านอื่นๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้สิ่งที่เขากระทำประสบความสำเร็จมากกว่าผู้ที่มีจิตใจวอกแวกเพราะ พะวงวิตกกับพลังลึกลับจากจิตใต้สำนึกที่เรียกร้องว่าขาดอะไรบางอย่างไปใน ชีวิตของเขา ซึ่งบางคนรู้ดีแต่ไม่ยอมรับว่ามันคืออะไร แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจและดึงดันในการดำรงตนแบบคนโสดต่อไป อันส่งผลทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ในชีวิตอย่างแท้จริง ทั้งเรื่องทางโลก และทางศาสนา
อิมามญะอ์ฟัร ศอดิก(อ.) สอนไว้ว่า "การละหมาดสองรอกาอัตของคนที่แต่งงาน ประเสริฐกว่าการนมาซเจ็ดสิบรอกาอัตของคนที่ไม่แต่งงาน" และ "การนอนหลับของคนที่แต่งงาน ประเสริฐกว่าการถือศีลอดของคนที่ไม่แต่งงาน"
เมื่อคิดใคร่ครวญให้ ลึกซึ้งแล้ว เหตุผลเดียวที่ทำให้การกระทำของคนแต่งงานแล้ว ประเสริฐกว่าการกระทำของคนที่ไม่แต่งงาน ก็คือการมีจิตใจที่สงบนิ่ง และมีสมาธิที่ตั้งมั่นของผู้ที่แต่งงานแล้ว เป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่าจิตใจที่ฟุ้งซ่าน และกิเลสตัณหาที่ร้อนรุ่มเหมือนไฟสุมอยู่ในอกไม่มีทางดับได้ของคนที่ไม่ได้ แต่งงาน
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวว่า "บรรดาผู้ศรัทธาที่แต่งงาน ได้ปกป้องศาสนาของเขาครึ่งหนึ่งแล้ว และอีกครึ่งที่เหลือคือ เขาต้องมีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺเท่านั้น"
ที่มา : https://muslim-teenager.blogspot.com/
Tags: