วิธีเตรียมพร้อมจากชะอฺบานสู่รอมฎอน
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ มวลการสรรเสริญทั้งหลายเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮ์ เศาะละวาตและสลามต่อเราะซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่าน ตลอดจนผู้ที่เจริญรอยตามแบบอย่างของท่านจวบจนวันกิยามะฮฺ
1. ความหมายของคำว่า “ชะอฺบาน”
คำว่า ชะอฺบาน เป็นคำเอกพจน์ คือชื่อหนึ่งในบรรดาชื่อเดือนของอิสลาม เป็นเดือนลำดับที่ 8 ตามปฏิทินอิสลาม อยู่ระหว่างเดือนเราะญับกับเดือนรอมฎอน
ส่วนสาเหตุที่เรียกเดือนนี้ว่า ชะอฺบาน เป็นเพราะในเดือนนี้ชาวอาหรับจะกระจายกันออกไปหาน้ำ หรือกระจัดกระจายกันออกไปทำสงคราม (มาจากรากศัพท์เดิมของคำว่า الْقَوْمُ تَشَعَّبَ (อ่านว่า ตะชะอะบะ อัลเกามุ) أي تفرق หมายถึง แยกย้าย หรือกระจัดกระจายออกไป) (ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม4 หน้า 251 ) หลังจากที่พวกเขาได้หยุดพักจากการทำสงครามในเดือนเราะญับเพราะเป็นเดือนหะรอมหรือเดือนต้องห้ามทำสงคราม
อุละมาอ์บางท่านระบุว่า สาเหตุที่เรียกเช่นนั้น เพราะเดือนนี้ปรากฏอยู่ช่วงกลางระหว่างเดือนเราะญับกับเดือนรอมฎอน (มาจากรากศัพท์เดิมของคำว่า الشَّعَبُ อ่านว่า อัชชะอะบุ หมายถึง ช่วงที่อยู่ระหว่างสองไหล่ หรือสองเขาสัตว์)
2. การเตรียมพร้อมในเดือนชะอฺบาน
ชะอฺบานคือประตูสู่เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ใกล้เคียงกับรอมฎอนมากที่สุด จึงเป็นโอกาสเดียวจะเตรียมตัวเข้าสู่เดือนรอมฎอนในทุกๆ ด้าน
ท่านซะละมะฮฺ อิบนุ สุฮัยล์ (บ้างว่า อิบนุ กุฮัยล์) “เดือนชะอฺบานคือเดือนแห่งนักอ่านอัลกุรอาน“
ท่านอัมร์ อิบนุ ก็อยส์ นั้น เมื่อชะอฺบานมาเยือนท่านจะปิดร้านที่ใช้ค้าขาย เพื่อให้เวลากับการอ่านอัลกุรอาน
จากคำกล่าวของอุละมาอ์ข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า พวกเขาได้เตรียมตัวอย่างจริงจังในการต้อนรับเดือนรอมฎอนแม้จะมีเวลาอีกหนึ่งเดือนก็ตาม
3. ความประเสริฐของเดือนชะอฺบาน
มีหะดีษมากมายที่รายงานถึงความประเสริฐของเดือนชะอฺบาน มีทั้งที่เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ หะดีษหะสัน หะดีษเฎาะอีฟ (อ่อน) และหะดีษเมาฎูอฺ (หะดีษปลอม) ดังรายละเอียดต่อไปนี้
3.1. การถือศีลอดในเดือนชะอฺบาน
รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เล่าว่า “ท่านบีได้ถือศีลอดในเดือนนี้จนกระทั่งพวกเรากล่าวว่า ท่านไม่ได้ละศีลอดเลย และท่านนบีไม่ได้ถือศีลอดจนกระทั่งพวกเรากล่าวว่าท่านไม่ได้ถือศีลอดเลย และฉันไม่เคยเห็นท่านนบีถือศีลอดเต็มเดือนนอกจากเดือนรอมฎอน และฉันไม่เคยเห็นท่านนบีถือศีลอดอย่างมากมายนอกจากเดือนนี้ชะอฺบาน” (อัลบุคอรีย์ 1833, มุสลิม 1956 )
3.2 การอภัยโทษของอัลลอฮ์ในค่ำคืนที่ 15 ของชะอฺบาน
รายงานจากท่านอบูมูซา อัลอัชอะรีย์ จากท่านเราะซุลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวความว่า “แท้จริงอัลลอฮ์จะมองดูในค่ำคืนวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบาน ดังนั้นพระองค์จะทรงให้อภัยแก่ทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างนอกจากผู้ที่ตั้งภาคี(มุชริก) หรือคนที่เป็นศัตรูกัน” (รายงานโดยอิบนุ มาญะฮฺ, อัลอัลบานีย์กล่าวว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษหะสัน ดู อัสสิลสิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺ หมายเลข 1144)
อย่างไรก็ตามหะดีษนี้และหะดีษอื่นๆ ในลักษณะเดียวกันยังมีความขัดแย้งระหว่างบรรดาอุละมาอ์ถึงระดับความถูกต้องของมัน ตามที่อิบนุ เราะญับได้ระบุไว้ใน ละฏออิฟ อัลมะอาริฟ
อิบนุ ดิห์ยะฮฺ ได้กล่าวว่า "เหล่าอุละมาอ์เกี่ยวกับสายรานได้ระบุว่า ไม่มีหะดีษใดเกี่ยวกับคืนนิศฟู ชะอฺบาน ที่เป็นหะดีษทถูกต้องเลย" (อัลบาอิษ อะลา อินการ อัลบิดะอฺ ของ อิบนุ ชามะฮฺ หน้า 127)
4. การถือศีลอดในดือนชะอฺบาน
4.1 ซุนนะฮ์ให้ถือศีลอดในเดือนชะอฺบาน
การถือศีลอดในเดือนชะอฺบานถือว่าเป็นซุนนะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ควรปฏิบัติตามยิ่ง เนื่องจากมีหะดีษที่รายงานด้วยสายรายงานที่เศาะฮีหฺ ที่รายงานโดยท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา เล่าว่า “ท่านนบีได้เคยถือศีลอดในเดือนนี้จนกระทั่งพวกเรากล่าวว่า ท่านไม่ได้ละศีลอดเลย และท่านนบีเคยไม่ถือศีลอดในเดือนนี้จนกระทั่งพวกเรากล่าวว่าท่านไม่ได้ถือศีลอดเลย และฉันไม่เคยเห็นท่านนบีถือศีลอดเต็มเดือนนอกจากเดือนรอมฎอน และฉันไม่เคยเห็นท่านนบีถือศีลอดอย่างมากมายนอกจากเดือนนี้คือชะอฺบาน” (อัลบุคอรีย์ 1833, มุสลิม 1956 )
ในอีกสายรายงานหนึ่งของมุสลิม 1957 “ท่านนบีได้ถือศีลอดทั้งเดือนชะอฺบาน และท่านนบีได้ถือศีลอดทั้งเดือนนอกจากวันน้อยนิด(ที่ท่านไม่ได้ถือศีลอด)”
ส่วนวิธีการถือศีลอดของท่านนบี ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในเดือนนี้ มีทัศนะที่แตกต่างกันไป โดยสรุปแล้ว ท่านนบีไม่ได้ถือศลอดตลอดทั้งเดือนชะอฺบาน แต่ท่านนบีจะถือศีลอดในเดือนนี้มากกว่าเดือนอื่นๆ (ทัศนะของอุละมาอ์ส่วนหนึ่ง อาทิ อับดุลลอฮฺ อิบนุ มุบาร็อก)
ท่านอิมาม อิบนุ เราะญับ ได้อธิบายถึงความประเสริฐของการถือศีลอดในเดือนชะอฺบานนี้ว่า “การถือศีลดอดในเดือนชะอฺบานนั้นดีกว่าการถือศีลอดในเดือนที่ทรงห้ามการทำสงคราม (อัชฮุรฺ อัลหุรุม) และเป็นสุนัตที่ดีที่สุดเนื่องจากอิบาดะฮฺทุกอย่างที่ใกล้เคียงกับเดือนรอมฎอน จะก่อนหรือหลังรอมฎอนก็ตามแต่ ระดับความประเสริฐของมันเหมือนกับระดับความประเสริฐของการละหมาดสุนัตเราะวาติบกับการละหมาดฟัรฎูจะก่อนหรือหลังละหมาดก็ตามแต่ และมันจะช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดหรือบกพร่องไปในส่วนที่เป็นฟัรฎู เช่นเดียวกับการถือศีลอดก่อนรอมฎอนและหลังรอมฎอน ในเมื่อการละหมาดสุนัตเราะวาติบเป็นสุนัตที่ดีที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการละหมาด ดังนั้นการถือศีลอดก่อนรอมฎอนและหลังรอมฎอนก็เป็นสุนัติที่ดีที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการถือศีลอดเช่นเดียวกัน” (ดู ละฏออิฟ อัลมะอาริฟ)
ส่วนสาเหตุที่ว่า ทำไมท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ถือศีลอดในเดือนชะอฺบานนี้มากกว่าเดือนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้บรรดาอุละมาอ์ได้มีทัศนะดังนี้
1. เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่สามารถถือศีลอด 3 วัน ประจำเดือนได้เนื่องจากท่านมีภารกิจและการเดินทางไกล(มุซาฟิร) ดังนั้นท่านจึงมารวบรวมทั้งหมดไว้ในเดือนนี้ เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั้นจะปฏิบัติสิ่งที่เป็นสุนัตต่างๆ ทั้งหมด เมื่อท่านได้ละทิ้งเพราะเหตุจำเป็นท่านก็จะชดใช้แทนในช่วงเวลาอื่น
2. เพราะภรรยาของท่านส่วนใหญ่จะถือศีลอดชดเชยในเดือนแห่งนี้ ท่านจึงถือศีลอดด้วย แต่เป็นทัศนะที่ขัดแย้งกับที่มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ที่ระบุว่า นางเจตนายืดเวลาถือศีลอดชดเชยมาไว้ในช่วงท้ายของปี เพื่อที่จะได้ถือศีลอดพร้อมๆ กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในเดือนชะอฺบาน
3. เพราะเป็นเดือนที่คนทั่วไปมักจะหลงลืมจากการถือศีลอด และเป็นเดือนที่อะมัลในรอบปีจะถูกยกขึ้นไปยังอัลลอฮ์ นี่เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักที่สุด ดังมีรายงานจากหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จากอุสามะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ความว่า “เดือนชะอฺบานแห่งนี้เป็นเดือนที่หลายคนหลงลืมมัน ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนเราะญับและเดือนรอมฎอน มันเป็นเดือนที่อะมัลต่างๆ จะถูกยกขึ้นไปยังองค์อภิบาลแห่งสากลโลก ดังนั้นฉันจึงพอใจที่จะให้อะมัลของฉันถูกยกขึ้นสู่พระองค์ในสภาพที่ฉันกำลังถือศีลอดอยู่” (อันนะสาอีย์ 2357)
4.2 การเจตนาเริ่มถือศีลอดหลังครึ่งเดือนของชะอฺบาน
การถือศีลอดในเดือนชะอฺบานถือว่าเป็นซุนนะฮ์ของท่านนบี แต่ประเด็นที่สำคัญประการหนึ่ง คือการเจตนาเริ่มถือศีลอดหลังจากครึ่งเดือนแรกของชะอฺบานผ่านไปแล้ว
ท่านอิหม่าม อิบนุ มุลักกิน ซึ่งเป็นอุละมาอ์ในสังกัดมัซฮับชาฟิอีย์ ได้อธิบายว่า “แท้จริงเมื่อครึ่งหลังของเดือนชะอฺบานมาถึง การเจตนาเริ่มถือศีลอดถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม ซึ่งเป็นทัศนะของบรรดาอุละมาอ์มุหักกิกูน(อุละมาอ์ผู้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ) ในมัซฮับของเรา(มัซฮับชาฟิอีย์) ดังหะดีษที่รายงานโดยอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวความว่า “เมื่อถึงครึ่งเดือนของชะอฺบาน จงอย่าได้ถือศีลอด“ (รายงานโดยอัต-ติรมิซีย์ 738 และอบู ดาวูด 2337 ดู อิอฺลาม ฟะวาอิดอุมดะติลอะห์กาม ของอิบนุ มุลักกิน เล่ม 5 หน้า 159-169)
อย่างไรก็ตาม การถือศีลอดที่ถูกห้ามในข้างต้นคือกรณีที่มีเจตนาและเจาะจงว่าจะเริ่มการถือศีลอดหลังจากวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบานเป็นต้นไป ส่วนกรณีที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะเริ่มถือศีลอดหลังจากวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบานดังกล่าว ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุมัติ
4.3 การถือศีลอดชดเชย (เกาะฎออ์) ในเดือนชะอฺบาน
การถือศีลอดชดเชย (เกาะฎออ์) สำหรับผู้ที่ได้ละทิ้งศีลอดในเดือนรอมฎอนถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น (วาญิบ) ซึ่งมีระยะเวลาที่ยาวนานเป็นปี กล่าวคือเดือนชะอฺบานคือเดือนสุดท้ายที่สามารถถือศีลอดชดเชยได้ หากพ้นเวลาดังกล่าวโดยไม่มีเหตุจำเป็น อาทิ ป่วยหรืออื่นๆจะต้องถูกปรับและต้องได้รับบาป และหากไม่ชดเชยจนถึงเดือนรอมฎอนปีหน้า เขาจะต้องขออภัย (เตาบัต) ต่ออัลลอฮ์ และถือศีลอดชดเชยพร้อมกับต้องให้อาหารแก่ผู้ยากไร้ (ฟากิรฺมิสกีน) ทุกวันตามที่จำนวนวันที่เขาได้ละทิ้ง (ตามทัศนะของอิมามชาฟิอีย์ อิมามมาลิก และอิมามอะหฺมัด)
4.4 การถือศีลอดในช่วงท้ายของเดือนชะอฺบาน (1-2 วัน ก่อนเข้ารอมฎอน)
การถือศีลอดในช่วงท้ายนี้ แบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ถือศีลอดด้วยการเนียตว่า ข้าพเจ้าถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เพื่อเผื่อว่าอาจจะเข้าเดือนรอมฎอน กรณีนี้ ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม)
กรณีที่ 2 ถือศีลอดเพราะมีการนะซัรไว้ หรือเพื่อชดเชย (เกาะฎออ์) ที่ขาดไป หรือเพื่อทดแทนกรณีที่ผิด (กัฟฟาเราะฮฺ) กรณีนี้ ถือว่าเป็นสิ่งอนุญาต (ยะญูซ)
กรณีที่ 3 ถือศีลอดสุนัตทั่วๆไป (สุนัตมุฏลัก) กรณีนี้ มีทัศนะที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ถือว่าเป็นสิ่งที่มักรูฮฺ เพราะมีคำสั่งให้เว้นว่างจากการถือศีลอดระหว่างชะอฺบานกับรอมฎอน ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิบัติมาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็ตาม (ทัศนะของ อัลหะสัน)
2. ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาต (ทัศนะของอิมามมาลิก)
3. สามารถทำได้ (อนุญาต) ถ้าเป็นการถือศีลอดที่เขาเคยปฏิบัติมาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง (ทัศนะของอิมามชาฟิอีย์, เอาซาอีญ์ และอิมามอะหฺมัด)
5. อุตริกรรม (บิดอะฮฺ) ในเดือนชะอฺบาน
หากจะมองถึงกิจกรรมหรืออิบาดะฮฺที่มีการยึดปฏิบัติในบ้านเมืองเราในเดือนชะอฺบานนี้แล้ว เราพบว่า มีการปฏิบัติอิบาดะฮฺมากมาย อาทิ มีการอ่านยาซีนในค่ำคืนที่ 15 ของเดือนชะอฺบาน มีการละหมาดในรูปแบบเฉพาะ และมีการเลี้ยงอาหาร เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาอย่างละเอียดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
5.1 การปฏิบัติอิบาดะฮฺในค่ำคืนที่ 15 (คืนนิศฟุชะอฺบาน )
การอ่านอัลกุรอานไม่ว่าจะเป็นสูเราะฮฺใดถือว่าเป็นอิบาดะฮฺที่ดีเลิศที่สุดในจำนวนบรรดาซิกิรฺทั้งหลาย ดังที่ท่านอิหม่าม อันนะวะวีย์ ได้กล่าวไว้ว่า “การอ่านอัลกุรอานคือซิกิรที่ดีที่สุด”
ถึงกระนั้นก็ตามแต่ การอ่านอัลกุรอานไม่ได้มีการกำหนดเจาะจงเวลาเป็นการเฉพาะที่ชัดเจน และมีการกำหนดสถานที่อ่านที่ชัดเจน เช่นเดียวกับการกำหนดเจาะจงอ่านสูเราะฮฺยาซีนในค่ำคืนดังกล่าวเป็นการเฉพาะ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏแบบอย่างจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเศาะหาบะฮฺ ถึงแม้ว่าจะมีหะดีษบางส่วนที่กล่าวถึงความประเสริฐในค่ำคืนดังกล่าว แต่หะดีษดังกล่าว ล้วนเป็นหะดีษที่มีสายรายงานอ่อน ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงและยืนยันถึงความประเสริฐและส่งเสริมให้กระทำดังกล่าวได้ อาทิ หะดีษที่รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ ที่มีความว่า “เมือค่ำคืนวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบานได้มาถึง พวกท่านจงลุกขึ้น (ทำอิบาดะฮฺ) ในยามค่ำคืนนั้น และจงถือศีลอดในเวลากลางวันของมัน” ซึ่งเป็นหะดีษเฎาะอีฟอาจถึงขั้นเมาฎูอฺ (ดู ละฎออิฟ อัลมะอาริฟ ของ อิบนุ เราะญับ และ อัสสิลสิละฮฺ อัฎเฎาะอีฟะฮฺ ของ อัลอัลบานีย์ 2132)
5.2 การเจาะจงละหมาดกิยามุลลัยในค่ำคืนวันที่ 15 ชะอฺบาน
การละหมาดกิยาลุมลัยหรือตะฮัจญุด เป็นอีกอิบาดะฮฺหนึ่งที่ควรส่งเสริมและเป็นหนึ่งในการละหมาดที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่เคยทอดทิ้ง และเป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าในคืนใดก็ตาม โดยไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดเจาะจงค่ำคืนใดค่ำคืนหนึ่งเป็นการเฉพาะ หรือเจาะจงละหมาด ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นมุสตะหับบะฮฺ
อย่างไรก็ตาม การเจาะจงทำอิบาดะฮฺในค่ำคืนของวันที่ 15 ชะอฺบานเป็นการเฉพาะ เนื่องเพราะเชื่อว่ามีความประเสริฐเหลื่อมล้ำกว่าค่ำคืนอื่นๆ หรือมีความเชื่อว่ามีผลบุญมากมายมหาศาลนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีปรากฏในแบบฉบับของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเศาะหาบะฮฺ แต่เพื่อความชัดเจนมากขึ้น จึงต้องแบ่งประเด็นการละหมาดกิยามุลลัยหรือตะฮัจญุดในเดือนนี้ออกเป็น 3 กรณีด้วยกัน
กรณีที่ 1 กรณีที่ละหมาดเป็นประจำอยู่แล้ว ประจวบเหมาะกับการมาถึงของเดือนชะอฺบาน และประจวบเหมาะกับการมาถึงค่ำคืนที่ 15 ของชะอฺบาน ในกรณีนี้ถือว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการละหมาดที่เคยปฏิบัติอย่างเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว และไม่ถือว่าเป็นการอุตริแต่ประการใด
กรณีที่ 2 กรณีที่ไม่ได้ละหมาดเป็นประจำอย่างเป็นกิจวัตร แต่มารอเจาะจงละหมาดเฉพาะในค่ำคืนของวันที่ 15 ชะอฺบานนี้ เพราะมีความเข้าใจว่าจะมีผลบุญมากมายมหาศาล กรณีนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีแบบอย่างที่ถูกต้องจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม แม้ว่าจะมีหะดีษที่บ่งบอกถึงความประเสริฐในการลุกขึ้นทำอิบาดะฮในค่ำคืนแห่งนี้ก็ตาม แต่หะดีษเหล่านั้นล้วนเป็นหะดีษที่เฎาะอีฟมากๆ ซึ่งไม่สารามรถนำเป็นหลักฐานอ้างอิงได้
กรณีที่ 3 กรณีที่มีการเจาะจงละหมาดด้วยการกำหนดจำนวนร็อกอัตที่แน่นอน อาทิ 1,000 หรือ 100 ร็อกอัต และย้อนกลับไปกลับมาจนถึงจำนวนที่กำหนดไว้ กรณีนี้ถือว่าเป็นการละหมาดที่อุตริที่ใหญ่หลวง เพราะไม่มีในแบบฉบับของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม แม้ว่ามีการอ้างถึงหะดีษที่ระบุถึงการละหมาดในลักษณะดังกล่าว
ท่านอิมามอันนะวะวีย์กล่าวว่า “การละหมาดที่เรียกว่าละหมาดเราะฆออิบและการละหมาดอัลฟิยะฮฺในค่ำคืนวันที่ 15 ชะอฺบาน 100 ร็อกอัตนั้น ทั้งสองละหมาดนี้เป็นสิ่งที่อุตริ(บิดอะฮฺ)และน่ารังเกียจ และอย่าไปหลงเชื่อกับการที่ละหมาดทั้งสองถูกกล่าวถึงในหนังสือ “กูตุลกุลูบ และ อิหฺยาอฺอุลุมมิดดีน” และอย่าไปหลงเชื่อกับหะดีษที่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว เพราะทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่จอมปลอม (บาฏิล)...” (ดู อัลมัจญ์มูอฺ เล่ม 7 หน้า 61)
ท่านอิมาม อัลอิรอกีย์ กล่าวว่า “หะดีษต่างๆ ที่กล่าวถึงการละหมาดในค่ำคืนวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบาน ล้วนแต่เป็นหะดีษปลอม (เมาฎูอฺ) และเป็นสิ่งที่โกหก (อุปโลกน์ขึ้นมา) ทั้งสิ้น”
ท่านอิมาม อบูชามะฮฺ กล่าวว่า “แท้จริงมีสายรายงานที่เกี่ยวกับการละหมาดในค่ำคืนวันที่ 15 ชะอฺบาน สองหะดีษซึ่งทั้งสองหะดีษนั้น ล้วนแต่เป็นหะดีษปลอม”
ท่านอิมามอัชเชากานีย์กล่าวว่า “หะดีษที่กล่าวถึงในเรื่องดังกล่าวเป็นหะดีษเมาฎูอฺ(หะดีษปลอม)” (อัลฟะอาวิด อัลมัจญ์มูอะฮฺ หน้า 15)
6. อะกีดะฮฺและความเชื่อเกี่ยวกับเดือนชะอฺบาน
หนึ่งในความเชื่อที่ไม่ถูกต้องคือ ความเชื่อที่ว่าในเดือนนี้อัลลอฮ์จะทรงกำหนด (ตักดีร) ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในรอบปี ซึ่งความจริงค่ำคืนแห่งการกำหนด (ตักดีร) นั้นคือค่ำคืนแห่งลัยละตุลก็อดรฺในเดือนรอมฎอนดังที่ปรากฏในอัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัลก็อดรฺ
7. หะดีษเฎาะอีฟ (อ่อน) และเมาฎูอฺ ( หะดีษปลอม ) เกี่ยวกับเดือนชะอฺบาน
ในเดือนชะอฺบานแห่งนี้มีรายงานหะดีษที่แสดงถึงความประเสริฐมากมายต่างๆ นานา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหรือเกือบทั้งหมดเป็นหะดีษเฎาะอีฟ(อ่อน) และหะดีษเมาฎูอฺ (หะดีษปลอม) และต่อไปนี้คือหะดีษบางส่วนที่จะนำเสนอให้ได้รับทราบและได้พิจารณาพร้อมๆกัน ดังนี้
7.1 หะดีษเฎาะอีฟ (หะดีษอ่อน)
1. การขอดุอาอ์ด้วยสำนวนดุอาอ์
« الَلّهُمَّ بَارِكْ لَناَ فِيْ رَجَبَ وَشَعْبَانَ وَبَلِّغْنَا رَمَضَانَ »
ความว่า “โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงประทานความเป็นสิริมงคล(บะรอกะฮฺ)แก่พวกเราในเดือนเราะญับและชะอฺบาน และจงนำพาพวกเราให้ถึงเดือนรอมฎอนด้วยเทอญ”
หะดีษนี้รายงานโดยอะนัส อิบนุ มาลิก บันทึกโดยอัลบัซฺซาร และอัตเฏาะบะรอนีย์ในหนังสืออัลเอาสัต และอัลบัยฮะกีย์ในหนังสือ ฟะฏออิล อัลเอากอต
ท่านอิหม่ามอิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์กล่าวว่า “หะดีษดังกล่าวเป็นหะดีษเฎาะอีฟ เพราะมีหนึ่งในสายรายงานที่ชื่อ ซะอีด อิบนุ อบีย์ รุกอฏ เป็นนักรายงานที่เฎาะอีฟ”
อิหม่ามบุคอรีย์กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวเป็น “มุงกะรุลหะดีษ” เช่นเดียวกับอันนะสาอีย์ที่กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวฉันไม่รู้จักว่าเขาคือใคร
อิบนุ หิบบานกล่าวว่า “ไม่มีการนำมาเป็นหลักฐานกับการรายงานของบุคคลดังกล่าว”
(ดู เพิ่มเติม อัลอัซการ ของ อันนะวาวีย์, มีซาน อัลอิอฺติดาล ของ อัซซะฮะบีย์ เล่ม 3 หน้า 96, เฎาะอีฟ อัลญามิอฺ อัศเศาะฆีร ของ อัลอัลบานีย์ หมายเลข 4395)
2. หะดีษที่มีใจความว่า
“แท้จริงอัลลออลฮฺจะทรงลงมายังฟากฟ้าโลกในค่ำคืนที่ 15 ของเดือนชะอฺบาน ดังนั้นพระองค์จะทรงอภัยโทษมากกว่าจำนวนแพะที่มีอยู่ในเผ่าของกัลบ์” (หะดีษเฎาะอีฟ รายงานโดยอิบนุ มาญะฮฺ 1389)
7.2 หะดีษเมาฎูอฺ (หะดีษปลอม)
1. หะดีษที่มีใจความว่า “เราะญับคือเดือนของอัลลอฮ์ ชะอฺบานคือเดือนของนบี และรอมฎอนคือเดือนของประชาชาติฉัน” อิหม่าม อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์กล่าวว่า หะดีษดังกล่าวเป็นหะดีษเมาฎูอฺ (หะดีษปลอม)
2. หะดีษที่มีใจความว่า
“เดือนที่ถูกคัดเลือกจากอัลลอฮ์คือ 1) เดือนของอัลลอฮ์ (เราะญับ) ผู้ใดเชิดชูเดือนเราะญับ แท้จริง (เท่ากับว่า) เขาได้เชิดชูอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์จะทรงตอบแทนเขาด้วยสวนสวรรค์ของพระองค์ และเขาจะเป็นผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง 2) ชะอฺบานคือเดือนของฉัน และผู้ใดที่เชิดชูเดือนชะอฺบาน แท้จริง (เท่ากับว่า) เขาได้เชิดชูฉัน และอัลลอฮ์จะทรงตอบแทนผู้ที่ให้การเชิดชูฉันในวันกิยามะฮฺ ...”
อิมาม อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์กล่าวว่า หะดีษดังกล่าวเป็นหะดีษเมาฎูอฺ (ปลอม) เช่นเดียวกับอัลบัยฮะกีย์ที่กล่าวว่า หะดีษข้างต้นคือหะดีษเมาฎูอฺ
3. หะดีษที่มีใจความว่า
“อุปมาความประเสริฐของเดือนเราะญับกับเดือนอื่นๆ นั้นอุปมาความประเสริฐของอัลกุรอานที่มีเหนือบทซิกิรฺทั่วไป และอุปมาความประเสริฐของเดือนชะอฺบานกับเดือนอื่นๆ อุปมาความประเสริฐของนบีมุหัมหมัดที่มีเหนือบรรดานบีท่านอื่นๆ” อิบนุ หะญัร ระบุใน ตับยีน อัลอุญุบ ว่าเป็นเมาฎูอฺ
4. หะดีษที่มีใจความว่า
“เมื่อค่ำคืนครึ่งเดือนชะอฺบานได้มาถึง พวกท่านจงลุกขึ้นในเวลากลางคืน (เพื่อทำอิบาบะฮฺ) และจงถือศีลอดในเวลากลางวัน“ (หะดีษเมาฎูอฺ รายโดยอิบนุ มาญะฮฺ 1388)
5. หะดีษที่มีใจความว่า
“ผู้ใดที่อ่านสูเราะฮ กุลฮุวัลลอฮฺ (อัลอิคลาศ) หนึ่งพันครั้งในการละหมาด 100 ร็อกอัต ในค่ำคืนวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบานเขาจะไม่ตายไปนอกจากว่าอัลลอฮ์จะทรงยกให้มลาอิกะฮฺ 100 ตนมาแจ้งข่าวดีแก่เขา และอีก 30 มลาอิกะฮฺที่ทำให้เขาพ้นจากไฟนรก...” (หะดีษเมาฎูอฺ บันทึกโดยอิหม่ามอัสสุยูฏีย์ ใน อัลละอาลีย์ อัลมัศนูอะฮฺ ฟี อัลอะหาดีษ อัลเมาว์ฎูอะฮฺ เล่ม 2 หน้า 59 )
6. หะดีษที่มีใจความว่า
“ผู้ใดที่ละหมาดในค่ำคืนวันที่ 15 ของเดือนชะอฺบาน จำนวน 2 ร็อกอัต โดยอ่านซูเราะฮฺ กุลฮุวะลอฮฺ(อัลอิคลาศ) จำนวน 30 ครั้ง ในทุกๆ ร็อกอัต เขาจะไม่ออกไป(ตาย)นอกจากว่าจะได้เห็นที่พำนักของเขาในสวนสวรรค์” (หะดีษเมาฎูอฺ บันทึกโดยอิหม่ามอัสสุยูฏีย์ ใน อัลละอาลีย์ อัลมัศนูอะฮฺ ฟี อัลอะหาดีษ อัลเมาว์ฎูอะฮฺ เล่ม 2 หน้า 59)
8. บทสรุป
การเตรียมความพร้อมสู่เดือนรอมฎอนด้วยการถือศีลอดตั้งแต่เนิ่นๆในเดือนชะอฺบานเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม ส่วนอิบาดะฮฺอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการถือศีลอด ไม่เป็นที่ควรส่งเสริม เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติที่เศาะฮีหฺจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเศาะหาบะฮฺ อีกทั้งยังอาจเป็นสิ่งที่อุตริขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง วัลลอฮุอะลัม
ขออัลลอฮ์ทรงประทานความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ฉันและพี่น้องของฉันด้วยเถิด อามีน
credit: islamhouse
Tags: