ดาวโบยาเจียน' ดาวที่ลึกลับที่สุดแห่งกาแล็กซีทางช้างเผือก
ดาวฤกษ์ KIC 8462852 หรือ "ดาวโบยาเจียน" (Boyajian's star) ได้รับการขนานนามให้เป็นดาวที่ลึกลับเป็นปริศนาที่สุดในกาแล็กซีทางช้างเผือก หรืออาจจะลึกลับที่สุดในจักรวาล เนื่องจากดาวมีความสว่างขึ้นและมืดมัวลงสลับกันเป็นช่วง ๆ แบบที่ไม่เหมือนกับดาวดวงใดซึ่งเคยค้นพบมาก่อน ทั้งยังมีผู้ตั้งสมมติฐานว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากผลงานของสิ่งมีชีวิตต่างดาวหรือ "เอเลียน" ก็เป็นได้
ดาวโบยาเจียนอยู่ห่างจากโลกออกไปกว่า 1,200 ปีแสงในกลุ่มดาวหงส์ ซึ่งเป็นแถบที่สุกสว่างและสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดแถบหนึ่งของแขนดาราจักร
มีการรายงานถึงพฤติกรรมที่แปลกประหลาดของดาวดวงนี้ครั้งแรกเมื่อปลายปี 2015 โดยนักดาราศาสตร์สาว ทาเบธา โบยาเจียน ได้รับข้อมูลจากกลุ่มพลเมืองนักดาราศาสตร์มือสมัครเล่นว่า พบดาวที่มีความเปลี่ยนแปลงในระดับการส่องสว่างอย่างสูง ซึ่งเธอพบว่าในแต่ละครั้งดาวจะมืดมัวลงถึง 22% นับว่าไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับปรากฎการณ์คล้ายกันในระบบสุริยะ เช่นดาวพฤหัสบดีนั้นสามารถลดแสงสว่างของดวงอาทิตย์ลงขณะโคจรผ่านหน้าได้ แต่ก็เพียงราว 0.5% เท่านั้น
- พบชั้นบรรยากาศ บนดาวเคราะห์คล้ายโลก
- พบระบบสุริยะใหม่ “แทรปปิสต์ – วัน” คาดมีน้ำ-เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต
มีผู้เสนอคำอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงในระดับการส่องสว่างของดาวโบยาเจียน ไว้มากมายหลายแบบ ตั้งแต่ความเชื่อที่ว่ามีหลุมดำ ฝูงดาวหาง หรือกลุ่มเมฆฝุ่นละอองคอยโคจรบดบังอยู่เป็นระยะ ไปจนถึงสมมติฐานที่ว่ามีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาสร้างเครื่องจักรขนาดใหญ่โคจรรอบดาวฤกษ์นั้นอยู่ เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานไปใช้ หรือเพื่อสร้างสัญญาณที่คล้ายกับรหัสมอร์สติดต่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาล
คำอธิบายที่ว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวเป็นผู้สร้างปรากฎการณ์แปลกประหลาดของดาวโบยาเจียน ไม่ใช่แนวคิดที่เหลวไหลไร้เหตุผลเสียทีเดียวในกรณีนี้ เนื่องจากคำอธิบายแบบอื่น ๆ ต่างมีข้อขัดแย้งในตัวไปเสียหมด เช่นข้อสันนิษฐานที่ว่ามีกลุ่มฝุ่นละอองและก๊าซบดบังแสงดาวโบยาเจียนอยู่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากกรณีนี้มักพบได้บ่อยในดาวฤกษ์ที่เกิดใหม่ แต่ดาวโบยาเจียนนั้นเป็นดาวฤกษ์ที่มีอายุเรียกได้ว่าเข้าวัยกลางคนแล้ว นอกจากนี้ ยังไม่พบว่าดาวโบยาเจียนปลดปล่อยรังสีอินฟาเรดออกมาอีกด้วย ทั้งที่หากมีกลุ่มฝุ่นละอองและก๊าซลักษณะคล้ายจานแบนบดบังอยู่ จะต้องมีการสะสมความร้อนและปลดปล่อยรังสีอินฟาเรดออกมาแน่นอน
ในปี 2016 มีการรายงานความแปลกประหลาดของดาวโบยาเจียนเพิ่มเติมอีก โดยมีผู้พบว่านอกจากแสงสว่างของดาวจะมัวลงสลับกับสว่างขึ้นเป็นช่วง ๆ แล้ว ในระยะยาวแสงสว่างของดาวโบยาเจียนยังลดลงเรื่อย ๆ ด้วย โดยพบว่าดาวหม่นมัวลงถึง 15% ในช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมา ทั้งเมื่อตรวจสอบกับข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์แล้ว ยังพบว่าดาวโบยาเจียนส่องสว่างลดลง 3% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งทำให้คำอธิบายที่ว่ามีฝูงดาวหางหรือกลุ่มฝุ่นก๊าซโคจรบดบังแสงอยู่เป็นระยะใช้ไม่ได้
ข้อมูล : https://hot.muslimthaipost.com/
Tags: