หลักปฏิบัติอันดีงาม 30 ประการ ที่มีต่อบิดามารดาของมุสลิม
พ่อแม่ เป็นบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตของมนุษย์แต่ละคน ทั้งสอง คือ ผู้ให้กำเนิด ผู้เลี้ยงดู อบรมสั่งสอนลูกตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะด้วยความเหนื่อยยากลำบาก จนเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีงานมีการและครอบครัวเป็นของตนเอง
ด้วยเพราะพ่อแม่มีความสำคัญต่อมนุษย์ถึงเพียงนี้ อิสลามจึงได้สั่งกำชับให้มนุษย์ทุกคนทำดีและแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาของตน
ความกตัญญูและการทำดีต่อพ่อแม่นั้นเป็นหน้าที่ที่สูงส่งและสำคัญรองลงมาจากการเคารพภักดีอัลลอฮฺเลยทีเดียว เช่นที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
وَاعْبُدُواْ اللهَ وَلاَ تُشْرِكُواْ بِهِ شَيْئاً وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَاناً (سورة النساء:36)
"สูเจ้าทั้งหลายจงเคารพภักดีอัลลอฮฺและอย่าได้ตั้งภาคีใดๆ ต่อพระองค์ และกับบิดามารดานั้นสูเจ้าจงทำดีกับทั้งสอง" (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัน-นิสาอฺ: 36)
หลักปฏิบัติอันดีงาม 30 ประการ ที่มีต่อบิดามารดาของมุสลิม
คำตรัสของอัลเลาะฮ์ ตาอาลา ความว่า :
وَقَضَى رَبُّكَ أَلَّا تَعْبُدُوا إِلَّا إِيَّاهُ وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَاناً
"องค์อภิบาลของเจ้าได้บัญชาไว้ว่า พวกเจ้าทั้งหลายอย่านมัสการสิ่งใด นอกจากพระองค์เท่านั้น และจงทำดีกับผู้ให้กำเหนิดทั้งสอง" อัลอิสรออ์ 23
และวจนะของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "ช่างต่ำต้อยเหลือเกิน สำหรับคนหนึ่งที่ได้อยู่ร่วมกับบิดามารดาของเขาหรือคนใดจากทั้งสองหรือทุก ๆ จากทั้งสอง โดยที่ทั้งสองไม่ทำให้เขาเข้าสวรรค์" รายงานโดยมุสลิม
ดังนั้น หากท่านต้องการความสำเร็จในทั้งโลกนี้และโลกหน้า ท่านก็จงปฏิบัติตามสิ่งต่อไปนี้
1. พูดจากับบิดามารดาด้วยมีมารยาท จงอย่ากล่าวด้วยถ้อยคำที่เบื่อหน่าย และจงกล่าวพูดจากับทั้งสองอย่างอ่อนโยน
2. ตออัตพ่อแม่ของท่านอย่าสม่ำเสมอในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืน ดังนั้น ไม่มีการตออัตต่อมัคโลกที่เกี่ยวกับการฝ่าฝืนพระเจ้าผู้ทรงสร้าง
3. มีความอ่อนโยนต่อท่านทั้งสอง อย่าทำหน้าบึ้งใส่ และอย่าเหลือบมองทั้งสองด้วยหางตา
4. จงรักษาชื่อเสียง , เกียรติ , และทรัพย์สินของท่านทั้งสอง ท่านอย่าเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดนอกจากได้รับการอนุญาตจากทั้งสองเสียก่อน
5. ท่านจงปฏิบัติสิ่งที่ให้ความสะดวกแก่ท่าน หากแม้นว่าทั้งสองจะไม่ได้สั่งใช้ก็ตาม เช่นการรับใช้บริการ ซื้อของที่จำเป็น ๆ ให้ และขยันศึกษาเล่าเรียน
6. จงขานรับการเรียกของท่านทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยกล่าวว่า ครับพ่อ , ค่ะแม่ , ขอรับพ่อ , จ๊ะแม่ , เป็นต้น
7. จงให้เกียรติเพื่อน ๆ และเครือญาติของท่านทั้งสอง ไม่ว่าในยามที่ท่านทั้งสองมีชีวิตอยู่หรือว่าเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
8. อย่าโต้เถียงและกล่าวหาว่าผิดกับท่านทั้งสอง แต่จงพยายามชี้แจงสิ่งที่ถูกต้องด้วยมารยาทที่ดีงาม
9. อย่าดื้อดึงและพูดจาอันเสียงดังต่อหน้าท่านทั้งสอง และจงนิ่งสดับฟังคำพูดของท่านทั้งสอง ท่านจงปฏิบัติด้วยจรรยามารยาทที่ดีงามด้วยกับทั้งสอง และอย่าแกล้งพี่น้องของท่านเพื่อให้เกียรติแด่ท่านทั้งสอง
10. ท่านจงยืนให้เกียรติเมื่อท่านทั้งสองเข้ามาหา และจงจูบที่หน้าผากและเท้าของทั้งสอง
11. จงช่วยเหลือมารดาเกี่ยวกับงานบ้านและจงอย่ารีรอจากการช่วยบิดาทำงาน
12. เธออย่าเดินทาง เมื่อทั้งสองไม่ได้อนุญาต หากแม้นว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญก็ตาม
13. อย่าเข้าไปหากท่านทั้งสองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ทั้งสองกำลังนอนและทำการพักผ่อน
14. อย่ารับประทานอาหารก่อนท่านทั้งสอง และจงให้เกียรติท่านทั้งสองในการรับประทานอาหารและดื่ม
15. ท่านอย่ากล่าวหาโกหกและอย่าทำการตำหนิ เมื่อท่านทั้งสองได้กระทำสิ่งหนึ่งที่ไม่ทำให้ท่านประทับใจ
16. ท่านอย่าคิดว่าภรรยาและบุตรของท่านดีกว่าท่านทั้งสอง ท่านจงสร้างความพึงพอใจแก่ท่านทั้งสองก่อนอื่นใด ดังนั้นการพึงพอใจของอัลเลาะฮ์ ย่อมอยู่ในการพอใจของบิดามารดา และความโกรธกริ้วของพระองค์ ย่อมอยู่ในความโกรธของทั้งสอง
17. ท่านอย่านั่งในสถานที่หนึ่งที่สูงกว่าท่านทั้งสอง และท่านอย่ายืนเท้าในขณะที่อยู่ต่อหน้าท่านทั้งสอง
18. ท่านโอ้อวดในการแอบอ้างไปยังบิดาของท่าน หากแม้นว่าท่านจะมีตำแหน่งที่สูงก็ตาม และจงระวังการปฏิเสธความหวังดีของทั้งสองและอย่าทำให้ทั้งสองเดือดร้อน ถึงแม้นว่าจะด้วยถ้อยคำพูดเดียวสักทีก็ตาม
19. อย่าตระหนี่ในการเลี้ยงดูต่อท่านทั้งสอง จนทำให้ทั้งสองเป็นทุกข์ เพราะมันเป็นความน่าอับอายสำหรับท่าน ซึ่งต่อไปท่านจะได้เห็นว่าสิ่งดังกล่าวนั้น บรรดาลูกๆ ของท่านก็จะทำอย่างนั้นกับท่านเช่นกัน
20. จงเยี่ยมเยือนท่านทั้งสองให้มาก ๆ และจงนำของฝากมาให้ท่านทั้งสองอย่างสม่ำเสมอ ท่านจงกตัญญูรู้คุณต่อการเลี้ยงดูและความเหนื่อยยากของทั้งสองที่มีต่อท่าน และท่านจงพิจารณาดูบรรดาบุตรของท่านเถิด ซึ่งพวกเขาก็จะกระทำเหมือนกับที่ท่านได้ปฏิบัติต่อบิดามารดาของท่าน
21. มนุษย์ที่มีสิทธิ์ในการให้เกียรติยิ่งคือ มารดา หลังจากนั้น บิดา และท่านจงรู้เถิดว่า สวรรค์นั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมารดา
22. จงระวังการทรพีและสร้างความไม่พอใจต่อท่านทั้งสอง จนเป็นเหตุให้ท่านต้องเป็นคนเลวทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และต่อไปบรรดาลูก ๆ ของท่านก็จะปฏิบัติต่อท่านเฉกเช่นที่ท่านได้ปฏิบัติต่อบิดามารดาของท่าน
23. เมื่อท่านต้องการสิ่งใดจากท่านทั้งสอง ก็จงอ่อนโยนและขอบคุณหากทั้งสองได้มอบให้ และท่านจงผ่อนปรนเมื่อทั้งสองงดให้แก่ท่าน และท่านก็จงอย่าขอสิ่งใดให้มากนักเพื่อท่านจะได้ไม่รบกวนท่านทั้งสอง
24. เมื่อท่านกลายเป็นผู้สามารถประกอบอาชีพได้แล้ว ดังนั้น ท่านก็จงทำงานและช่วยเหลือท่านทั้งสอง
25. ท่านย่อมมีสิทธิหน้าที่ที่มีต่อบิดามารดาของท่าน และมีต่อภรรยาของท่าน ดังนั้นท่านจงให้ตามสิทธิ์ที่ชอบธรรม และพยายามให้ทั้งสองมีความเข้าใจซึ่งกันและกันเกี่ยวกับกรณีที่มีการพิพาษเกิดขึ้น และจงมอบของกำนัลให้แก่ทั้งสองฝ่ายแบบลับ ๆ
26. เมื่อบิดามารดาของท่านโต้แย้งกับภรรยาของท่าน ดังนั้น ท่านก็จงเป็นผู้มีความชาญฉลาด และจงทำให้ภรรยาเข้าใจว่าท่านอยู่พร้อมกับนางหากว่าความถูกต้องอยู่ที่ฝ่ายนาง และท่านจำเป็นต้องวอนให้บิดามารดาอภัยและมีความพอใจต่อท่าน
27. เมื่อท่านขัดแย้งกับบิดามารดาเกี่ยวกับเรื่องการต่างงานและการหย่า ดังนั้น พวกท่านก็จงให้หลักตัดสินของศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดียิ่งที่จะมาช่วยเหลือสำหัรบพวกท่าน
28. การดุอาอ์ของบิดามารดาย่อมถูกตอบรับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น ท่านจงระวังการขอดุอาของท่านทั้งสองที่เกี่ยวกับสิ่งไม่ดีที่ต้องการให้ประสบแก่ตัวท่าน
29. มีการปฏิบัติดีต่อเพื่นมนุษย์ ดังนั้น ผู้ใดทำการด่าทอเพื่อนมนุษย์ แล้วพวกเขาก็ด่าทอท่าน ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า "ส่วนหนึ่งจากบาปใหญ่นั้นคือ ชายคนหนึ่งได้ด่าทอบิดามารดาของเขา แล้วเขาก็ด่าทอบิดาของชายคนนั้น จนเป็นเหตุให้มีการด่าบิดามารดาของกันและกัน"
30. จงเยี่ยมเยือนบิดามารดาของท่านทั้งสอง ไม่ว่าในขณะที่มีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว และท่านจงบริจาคท่านและขอดุอาอ์ให้กับท่านทั้งสองให้มาก ๆ ว่า "โอ้ผู้อภิบาลของฉัน พระองค์โปรดทรงอภัยโทษให้แก่ฉันและบิดามารดาของฉันทั้งสอง โอ้ผู้อภิบาลของฉัน พระองค์ทรงโปรดเมตตาเอ็นดูต่อท่านทั้งสองเหมือนกับที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันแต่ตั้งเยาว์วัย"
ภาพจาก: gettyimages
Tags: