รอมฎอนเดือนอันประเสริฐเดือนแห่งการประทานคัมภีร์
ทุกศาสนามีหลักศรัทธาเป็นพื้นฐาน หลักศรัทธาสำคัญอย่างหนึ่งในอิสลาม คือ ศรัทธาในคัมภีร์ของพระเจ้า เพราะคัมภีร์เป็นบันทึกวจนะของพระเจ้าที่ถูกส่งมาเป็นกฎกติกาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มุสลิมคนใดไม่ศรัทธาในคัมภีร์ของพระเจ้าถือว่าไม่ศรัทธาในพระเจ้าโดยปริยาย
ทำไมพระเจ้าต้องประทานคัมภีร์? คำตอบคือมนุษย์ไม่ได้สร้างชีวิต มนุษย์จึงไม่รู้จักวิธีการใช้ชีวิต คัมภีร์จึงเป็นแนวทางและกฎในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เป็นความเมตตาอย่างหนึ่งของพระเจ้า
พระเจ้าไม่ได้สร้างดาวนับล้านดวงขึ้นมาเหมือนโยนลูกเต๋า เมื่อพระองค์สร้างดวงดาวขึ้นมาแล้ว พระองค์ได้สร้างระบบการหมุนและการโคจรของดาวแต่ละดวงขึ้นมาควบคุมมันอย่างมีระเบียบจนมนุษย์สามารถคำนวณการโคจรของมันได้อย่างแม่นยำ กฎการโคจรของดวงดาวเหล่านี้ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ลองนึกภาพดูว่าถ้าดาวนพเคราะห์ในระบบสุริยะไม่มีการควบคุม อะไรจะเกิดขึ้น?
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาบนโลกใบนี้โดยมีชีวิตเหมือนสัตว์ สัตว์ไม่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ แต่มันอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มประชากรที่ถูกควบคุมโดยสัญชาติญาณและไม่มีเสรีภาพในการเลือก ด้วยเหตุนี้ สัตว์จึงไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องบาปบุญคุณโทษ
ส่วนมนุษย์แตกต่างจากสัตว์ตรงที่มนุษย์มีสติปัญญา แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ยังจำเป็นต้องมีคู่มือหรือกฎระเบียบในการใช้ชีวิตทั้งในด้านส่วนตัวและในด้านสังคม จะแตกต่างจากสัตว์ก็ตรงที่มนุษย์มีเสรีภาพที่จะเลือกปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำไป
มนุษย์ได้รับคัมภีร์ทางศาสนาจากเบื้องบนมานานแล้ว คัมภีร์ทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกขณะนี้คือคัมภีร์พระเวทที่ถูกบันทึกเป็นภาษาสันสกฤตโบราณ ไม่มีใครอ้างว่าเป็นผู้เขียนคัมภีร์พระเวทขึ้นมา คัมภีร์พระเวทเป็น “ศรุติ” นั่นคือสิ่งที่ได้ถูกสดับตรับฟังมาและถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
ในอิสลาม พระเจ้าได้คัดเลือกมนุษย์บางคนให้รับวจนะของพระองค์เพื่อนำมาสั่งสอนมนุษย์และปฏิบัติตามคำสอนให้เป็นแบบอย่าง คนที่ถูกคัดเลือกขึ้นมาทำหน้าที่นี้ในภาษาอาหรับเรียกว่า “นบี” ซึ่งแปลว่า “ผู้บอกข่าวจากพระเจ้า” ถึงมนุษยชาติ บางครั้ง นบีเหล่านี้ยังถูกเรียกว่า “ผู้ตักเตือน” นบีจึงมิใช่ศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนา
แต่เนื่องจากมนุษย์มีจำนวนมากมายและกระจายตัวกันอยู่เป็นชุมชนต่างๆ ทั่วโลก พระเจ้าจึงให้มีนบีเกิดขึ้นในทุกชุมชนเพื่อสอนวิธีการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้คนในชุมชนของนบี และนบีแต่ละคนจะสอนผู้คนด้วยภาษาของคนในเวลานั้น คัมภีร์อัลกุรอานกล่าวว่าในทุกชุมชนเคยมีนบีของตนมาแล้ว
ในบันทึกคำสอนของนบีมุฮัมมัดบอกให้เราได้รู้ว่านับตั้งแต่อาดัมผู้เป็นมนุษย์และเป็นนบีคนแรกมาจนถึงท่าน มีนบีเกิดขึ้นบนโลกนี้เป็นจำนวนถึง 124,000 คน ในจำนวนนี้มีประมาณ 25 คนที่ถูกเอ่ยชื่อไว้ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์อัลกุรอาน
นบีมุฮัมมัดยังให้ข้อมูลต่อไปอีกว่าพระเจ้าได้ประทานคัมภีร์จำนวน 313 เล่มแก่นบีบางคน นบีคนใดได้รับคัมภีร์จากพระเจ้าจะถูกเรียกว่า “รอซูล” หรือ ผู้นำสาส์น หรือ ศาสนทูต
มนุษย์ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อนบีและคัมภีร์ทั้งหมด เพราะนบีทุกคนและคัมภีร์ทุกเล่มมีหลักคำสอนหลักๆ ที่เหมือนกัน นั่นคือเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและการฟื้นคืนชีพหลังความตายซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องรู้และต้องปฏิบัติตาม
เราได้ข้อมูลที่น่าสนใจจากนบีมุฮัมมัดอีกว่าคัมภีร์ของพระเจ้า 5 เล่มที่ชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมรู้จักถูกประทานมาในช่วงเดือนรอมฎอน นั่นคือ "คัมภีร์ศุฮุฟ" ถูกประทานแก่อับราฮัมหรือนบีอิบรอฮีมในคืนแรกของเดือนรอมฎอน
คัมภีร์โตราห์ (หรือเตารอต) ถูกประทานแก่โมเสสหลัง 6 วันแรกของเดือนรอมฎอน
คัมภีร์ษะบูรฺ (Psalm) ถูกประทานแก่เดวิดหลังวันที่ 18 ของเดือนรอมฎอน
คัมภีร์อินญีล (Gospel) ถูกประทานแก่พระเยซูหลังวันที่ 13 ของเดือนรอมฎอน
และคัมภีร์กุรอานถูกประทานลงมาหลังวันที่ 24 วันของเดือนรอมฎอน
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เดือนรอมฎอนมีความสำคัญสำหรับชาวมุสลิมและชาวมุสลิมทั่วโลกจะทุ่มเทเวลาให้แก่การอ่านหรือการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอาน
ที่มา: อาจารย์บรรจง บินกาซัน
Tags: