เดือนแห่งการขอดุอาอฺ คุณค่าและความประเสริฐแห่งเดือนรอมฎอน
เดือนที่การดุอาอฺจะได้รับการตอบรับ
ในหะดีษ กล่าวว่า
(( ثلاثة لاترد دعوتهم : الصائم حتى يفطر... ))
“สามคนด้วยกันที่การขอดุอาอฺของเขาจะไม่ถูกตีกลับ :....ผู้ถือศีลอดจนกว่าเขาจะละศีลอด...” (รายงานโดย ติรมิซียฺในสุนันของท่าน เลขที่ 3598 และบอกว่า เป็นฮะดีษฮะซัน)
มีรายงานมาจากท่านเราะซูลุลลอฮฺ เช่นเดียวกัน ท่านได้กล่าวไว้ว่า
((إن للصائم عند فطره لدعوة ماترد ))
“แท้จริง สำหรับผู้ถือศีลอดนั้น ขณะที่เขาละศีลอดนั้น ดุอาอฺ ของเขาจะไม่ถูกตีกลับ...” (รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ ในสุนันของท่าน เลขที่ 1753 และสายสืบของท่านนั้นซอฮี๊ฮฺ)
ดังนั้น ขออัลลอฮฺ ได้ประทานความสำเร็จแก่เรา และท่าน ในการทำให้ช่วงเวลาแห่งการถือศีลอดเป็นการดุอาอฺที่ดีด้วยเถิด
เดือนแห่งการอภัยโทษ
ไม่เป็นที่สงสัยใดๆว่า บาปความผิดต่างๆ นั้นมีโทษเหลื่อมล้ำกัน และการสอบสวนขึ้นอยู่กับอัลลอฮฺ ความสามารถในการให้อภัย ขึ้นอยู่กับอัลลอฮฺ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนรอมฎอน จำเป็นที่จะต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการถือศีลอด ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด และฉวยโอกาสเอาประโยชน์จากเวลาของการถือศีลอด
มีรายงานมาจากท่านนบี มุฮัมมัด กล่าวไว้ว่า
(( من صام رمضان إيماناواحتساباغفرله ماتقدم من ذنبه ))
“ผู้ใดถือศีลอดในเดือนรอมฏอน ด้วยความศรัทธา และหวังในผลบุญจากพระองค์ เขาก็จะได้รับการอภัยให้ในโทษของเขาที่ผ่านมา” (รายงานโดย มุสลิม ในซอฮี๊ฮฺของท่าน เลขที่ 760)
เดือนที่มีการลบล้างการฝ่าฝืนต่างๆ
มีปรากฏในหะดีษ จากการกล่าวของท่านนบีมุฮัมมัด ว่า
"...ورمضان إلى رمضان مكفرات مابينهن إذاجتنبت الكبائر".
“...และรอมฎอนหนึ่งจนถึงไปอีกรอมฎอนหนึ่ง มีสิ่งที่จะมาลบล้างสิ่งเกิดขึ้นในระหว่างนั้น เมื่อมีการหลีกเลี่ยงบาปใหญ่ต่างๆ” (รายงานโดย มุสลิม ในซอฮี๊ฮฺของท่าน เลขที่ 233)
เดือนที่มีค่ำคืนหนึ่งที่ดีกว่าพันเดือน
อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
“ค่ำคืนแห่ง "อัลก็อดรฺ"นั้นดีกว่าหนึ่งพันเดือน” (อัลก็อดรฺ 3)
และท่านนบี(ซล.)มุฮัมมัด กล่าวไว้ว่า
(( ...فيه ليلة خيرمن ألف شهر من حرمها فقدحرم الخير كله ، ولايحرم خيرها إلامحروم ))
“ในเดือนนี้ มีค่ำคืนหนึ่งที่ดีกว่าหนึ่งพันเดือน ผู้ใดที่ไม่ได้รับ ก็เท่ากับว่า เขาไม่ได้รับความดีทั้งมวลและจะไม่มีใครได้รับมัน นอกจากผู้ที่ถูกห้ามเท่านั้น” (รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ ในซุนนะฮฺของท่าน เลขที่ 1644 สายรายงานอยู่ในขั้นดี(ฮะซัน))
ท่านเราะซูล ได้สอนประชาชาติว่า เมื่อใดควรจะแสวงหาคืนดังกล่าว มีรายงานจาก อาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า นางได้กล่าวว่า ท่านนบี(ซล.) ได้กล่าวไว้ว่า
(( تحرو اليلة القدر في العشر الأواخر من رمضان ))
“ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาค่ำคืน "อัลก็อดรฺ" ในสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน” (รายงานโดย มุสลิมในซอฮี๊ฮฺของท่าน เลขที่ 1169)
ทางนำของท่านนบี(ซล.) ในค่ำคืนนี้ประการหนึ่งนั้น เหมือนกับที่มารดาของผู้ศรัมธา อาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ได้รายงานไว้ว่าท่านนบี(ซล.) กล่าวไว้ว่า
(( . كان إذادخل العشرأحياالليل وأيقظ أهله وجدوشد المئزر ، وكان يجتهد في العشر الأواخر ما لا يجتهده في غيرها ))
“เมื่อสิบวันสุดท้ายได้เข้ามา ท่านจะทำให้ค่ำคืนนั้นมีชีวิตชีวา ด้วยการปลุกครอบครัวของท่าน ให้เอาจริงเอาจัง และมีความขมักเขม้น และท่านนบี(ซล.) จะมีความขยันหมั่นเพียรในสิบวันสุดท้าย ซึ่งไม่เหมือนกับความขยันหมั่นเพียรในเวลาอื่น” (รายงานโดย มุสลิมในซอฮี๊ฮฺของท่าน 2/832 เลขที่ 1174-1175)
ท่านจงรักษาไว้ ขออัลลอฮฺ ทรงประทานความสำเร็จแก่เราและท่านในการเคารพภักดีต่อพระองค์ เพื่อที่จะได้รับความดีงาม บะเราะกะฮฺ และผลตอบแทน และอย่าได้ลืมเรา และประชาชาติของท่านนบี(ซล.)ผู้เป็นที่รักของอัลลอฮฺ ผู้เป็นนบี(ซล.)ท่านสุดท้าย จากการขอดุอาอฺที่ดีของท่าน
เดือนแห่งความสิริมงคล (บะเราะกะฮฺ)
ส่วนหนึ่งของความศิริมงคลต่างๆ เหล่านี้ คือ การรับประทานอาหารสะฮู้ร การขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ การขอการอภัยโทษ และติดตามมาด้วยการอ่านอัลกุรอาน และถ้อยคำรำลึกต่างๆ
มีรายงานจากอนัส อิบนุ มาลิก กล่าวว่า ท่านนบี(ซล.) กล่าวไว้ว่า
(( تسحروافإن في السحوربركة ))
“ท่านทั้งหลาย จงรับประทานอาหารสะฮู้ร เพราะในอาหารสะฮู้รนั้น มีสิ่งที่บะเราะกะฮฺ” (รายงานโดย บุคอรียฺ ในซอฮี๊ฮฺของท่าน เลขที่ 6168)
มีรายงานมาจากท่านนบี(ซล.) กล่าวไว้ว่า
(( تسحرواولوبشربة ماء ، ولو بتمرة ،ولوبجعات زبيب ؛ فإن الملائكة تصلي عليكم ))
“ท่านทั้งหลาย จงรับประทานอาหารสะฮู้ร แม้จะด้วยการดื่มน้ำเพียงอึกเดียว อินทผาลัมเพียงหนึ่งผล ...ผลองุ่นแห้งก็ตาม เพราะบรรดามลาอิกะฮฺนั้น จะขอพรให้แก่พวกท่าน” (รายงานโดย อิบนุ มุนดะฮฺ ในอัลฟะวาอิ๊ด 1/91 เลขที่ 65 และกล่าวว่า สายสืบ อยู่ในขั้นดี)
และไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า การขอพรให้ของบรรดามลาอิกะฮ์นั้น คือ การขอการขออภัยให้แก่เรา เหมือนกับที่การอำนวยพรให้จากอัลลอฮฺ แก่บรรดาบ่าวของพระองค์ คือ การมีความเมตตาต่อพวกเขา
Tags: