กระบวนการสร้างมนุษย์ในครรภ์มารดา ที่กล่าวไว้ในอัลกุรอาน
จากการตรวจสอบทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า เมื่อผ่านระยะเวลา 120 วัน (4 เดือน) หรือ 17 สัปดาห์ไปแล้วนั้น ทารกในครรภ์มารดามีอวัยวะครบถ้วนแล้ว และสามารถขยับเขยื้อนได้ด้วย นั้นหมายถึงมีกระดูกแล้ว และถึงแม้ระยะ 3 คือวันที่ 81 ในครรภ์ ก็เป็นช่วงที่ทารกมีอวัยวะให้เห็นแล้ว ไม่ใช่เพียงก้อนเนื้อที่ไม่มีรูปร่างหรือความชัดเจนใดๆ และหัวใจของทารกในครรภ์มารดามีการเต้นแล้วในช่วงอายุครรภ์ 6 สัปดาห์ หรือช่วงต้นเดือนที่ 2 บ้างว่าสัปดาห์ที่ 4 หากผู้ตั้งครรค์เพียง 2 เดือนเมื่ออัลตราซาวด์ หากเด็กเติบโตอย่างปกติก็ย่อมได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของลูกตนทุกคน และในช่วงสัปดาห์ที่ 9 หรือช่วงเดือนที่ 3 ทารกมีการขยับมือ การกลืน การขยับลิ้น นิ้ว สิ่งเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถมองเห็นได้ก่อน 120 วัน สำหรับการแบ่งเซลล์น้ำเชื้อผสมมีการแบ่งเซลล์เรื่อยๆอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ หรือครึ่งเดือนเท่านั้น
จากข้อเท็จจริงข้างต้นแล้วย่อมหมายถึง การเป่าวิญญาณน่าจะเกิดขึ้นก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลา 4 เดือน หรือ 120 วัน
แต่จากรายงานหะดิษที่รายงานจากท่านอิบนุ มัสอู๊ด อยู่ใน 40 หะดิษของอันนะวะวีย์มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
รายงานจากท่านอบูอับดิรเราะฮฺมาน อับดุลลอฮฺ อิบนุมัสอู๊ด (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า รสูลุลลอฮฺผู้มีสัจจะและได้รับความสัจจริง ได้เล่าให้เราฟังว่า
“พวกท่านแต่ละคนจะมีการรวบรวมการสร้างเขาไว้ในครรภ์มารดาของเขาเป็นน้ำเชื้อ 40 วัน หลังจากนั้นเป็นก้อนเลือดตามนั้น หลังจากนั้นเป็นก้อนเนื้อตามนั้น หลังจากนั้นจะมีมลาอิกะฮฺถูกส่งไปหาเขาแล้วเป่าวิญญาณเข้าไป...”(บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)
จากหะดิษ ได้วาดภาพความเข้าใจให้นักวิชาการไว้ว่า ระยะเวลาที่ถุกกล่าวในหะดิษมีทั้งสิ้น 120ตามระยะๆละ 40 วัน คือ
1.เป็นน้ำเชื้อ 40 วัน
2.เป็นก้อนเลือด 40 วัน
3.เป็นก้อนเนื้อ 40 วัน
และจากอัลกุรอาน อัลเลาะฮ์ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
إِنَّا خَلَقْنَا الْإِنسَانَ مِن نُّطْفَةٍ أَمْشَاجٍ نَّبْتَلِيهِ فَجَعَلْنَاهُ سَمِيعًا بَصِيرًا ( 2 )
“แท้จริง เราได้สร้างมนุษย์จากน้ำเชื้อผสมหยดหนึ่ง เพื่อเราได้ทอสอบเขา ดังนั้น เราจึงทำให้เขาเป็นผู้ได้ยิน เป็นผู้ได้เห็น” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอินซาน 76:2)
يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِن كُنتُمْ فِي رَيْبٍ مِّنَ الْبَعْثِ فَإِنَّا خَلَقْنَاكُم مِّن تُرَابٍ ثُمَّ مِن نُّطْفَةٍ ثُمَّ مِنْ عَلَقَةٍ ثُمَّ مِن مُّضْغَةٍ مُّخَلَّقَةٍ وَغَيْرِ مُخَلَّقَةٍ ( 5 )
“โอ้มนุษย์เอ๋ย หากพวกเจ้ายังอยู่ในการสงสัยแคลงใจเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพแล้วไซร้ แท้จริง เราได้บังเกิดพวกเจ้าจากดิน แล้วจากเชื้ออสุจิ แล้วจากก้อนเนื้อ ทั้งที่เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์และไม่เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลฮัจย์ 15:5)
وَلَقَدْ خَلَقْنَا الْإِنسَانَ مِن سُلَالَةٍ مِّن طِينٍ ( 12 )
ثُمَّ جَعَلْنَاهُ نُطْفَةً فِي قَرَارٍ مَّكِينٍ ( 13 )
ثُمَّ خَلَقْنَا النُّطْفَةَ عَلَقَةً فَخَلَقْنَا الْعَلَقَةَ مُضْغَةً فَخَلَقْنَا الْمُضْغَةَ عِظَامًا فَكَسَوْنَا الْعِظَامَ لَحْمًا ثُمَّ أَنشَأْنَاهُ خَلْقًا آخَرَ فَتَبَارَكَ اللَّهُ أَحْسَنُ الْخَالِقِينَ ( 14 )
“และแน่นอน เราได้สร้างมนุษย์มาจากธาตุแท้ของดิน แล้วเราทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิอยู่ในที่พักอันมั่นคง แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือด แล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อ แล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูก แล้วเราได้หุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้ให้เขาเจริญเติบโตเป็นอีกรูปหนึ่ง ดังนั้น อัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลมุมินูน 23 ; 12-14)
ภาพรวมการสร้างมนุษย์เมื่อประมวลจากอัลกุรอานและหะดิษแล้วมีกระบวนการตามลำดับดังนี้
1.น้ำเชื้อผสม (ตัวเชื้ออสุจิฝ่ายชายตัวหนึ่งไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง)
2.ก้อนเลือด (มีการแบ่งเซลล์เป็นทวีคูณจากเซลล์ตั้งต้น (มีลักษณะคล้ายทาก))
3.ก้อนเนื้อ (รูปร่างเป็นก้อนขนาดเล็กพอดีคำ รูปร่างยังไม่เหมือนมนุษย์ที่สมบูรณ์)
4.สร้างกระดูก (เซลล์ที่มีการแบ่งก่อนหน้าจะมีทั้งเซลล์กระดูก ประสาท และกล้ามเนื้อแยกจากกัน)
5.หุ้มกระดูกด้วยเนื้อ (หมายถึงกล้ามเนื้อ)
6.การเติบโตในอีกรูปแบบหนึ่ง (ท่านอิบนุ กะซีร กล่าวว่า : คือกลายเป็นที่มีหูมีตาและอวัยวะต่างๆถูกสร้าง เป็นรูปร่างของคนชัดเจนสมบูรณ์ แล้วจึงเติบโตตามพื้นฐานรูปลักษณ์นี้ไปจนกระทั่งคลอด
นักวิชาการเห้นตรงกันว่า “ระยะของการเป่าวิญญาณนั้นจะอยู่ช่วงหลังระยะของก้อนเนื้อ คือหลังระยะที่สาม โดยอ้างอิงจากหะดิษอิบนุมัสอู๊ด”
จากหะดิษที่มาอธิบายขยายอัลกุรอาน มีความขัดแย้งกับการแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้ว ตัวบททางศาสนาอิสลามที่ถูกต้องย่อมไม่ขัดแย้งกันกับข้อเท็จจริง หะดิษที่เศาะเฮียะฮฺย่อมไม่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซึ่งในอัลกุรอานไม่ได้ระบุถึงตังเลขเวลาเลย เพียงแต่ระบุลักษณะเด่นๆของระยะนั้นๆ และเรียกชื่ออย่างเหมาะกับระยะดังกล่าวเท่านั้น
แล้วตัวเลข 120 วันนั้นมาจากไหน?
ซึ่งหะดิษที่รายงานจากท่านอิบนุมัสอู๊ด ไม่มีตัวเลขอื่นใดปรากฏยกเว้นเลข 40 ตัวเดียวเท่านั้น
รายงานหะดิษระบุ เป็นน้ำเชื้อ 40 วัน ทั้งที่ความเป็นจริงการแบ่งเซลล์น้ำเชื้อผสมมีการแบ่งเซลล์เรื่อยๆอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ หรือครึ่งเดือนเท่านั้น
และจาการการกลับไปหาต้นฉบับของบทหะดิษบทนี้ที่ท่านอิมามอันนะวะวีย์อ้างถึง คือเศาะเฮียะฮฺอัลบุคอรีย์และมุสลิม กลับพบว่า
“พวกท่านแต่ละคนจะถูกรวมไว้ในครรค์มารดาของเขาเป็นเวลา 40 วัน หลังจากนั้นเป็นก้อนเลือดตามนั้น หลังจากนั้นเนื้อตามนั้น”
เทียบกับตัวบทของ 40 หะดิษของท่านอิมามอันนะวะวีย์
“พวกท่านแต่ละคนจะมีการรวบรวมการสร้างเขาไว้ในครรภ์มารดาของเขาเป็นน้ำเชื้อ 40 วัน หลังจากนั้นเป็นก้อนเลือดตามนั้น หลังจากนั้นเป็นก้อนเนื้อตามนั้น”
จากหะดิษต้นฉบับ จะไม่ปรากฏคำว่า “น้ำเชื้อ” ในคำรายงานของท่านอิบนุมัสอู๊ด ไม่ว่าจะในบันทึกเศาะเฮียะฮฺอัลบุคอรีย์ มุสลิม ซุนันอบูดาวุด อัตติรมีซีย์ หรือตำราอ้างอิงหลักใดๆ
ดังนั้น ระยะเวลาที่อ้างว่าน้ำเชื้อผสมอยู่ในมดลูกของฝ่ายหญิงถึง 40 วัน โดยไม่เปลี่ยแปลงลักษณะภายนอกใดๆนั้น จึงไม่ใช่คำพูดของท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
จากข้อเท็จจริงทางการแพทย์การเรียงลำดับพัฒนาการของมนุษย์ในครรภ์ยังคงตรงอัลกุรอาน
สำหรับตัวเลข 40 มีบันทึกอยู่ในตำราทุกเล่ม และยังเป็นตัวเลขเดียวที่ถูกบันทึกอยู่หะดิษอีกบทหนึ่ง จากเศาะเฮียะฮิมุสลิม
รายงานจากท่านฮุซัยฟะฮฺ อิบนุ อะซีด(ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า ท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า
“มลาอิกะฮฺมาหาน้ำเชื้อ หลังจากที่มันอยู่ในมดลูกมา 40 หรือ 45 คืน
แล้วจะกล่าวว่า : พระเจ้าแห่งข้าพระองค์ เขาเป็นผู้ทุกข์ระทมหรือปิติยินดี (คือชาวนรกหรือสวรรค์) แล้วก็จะบันทึกเอาไว้
และถามอีกว่า : พระเจ้าของข้าพระองค์ เป็นชายหรือหญิง? แล้วบันทึกไว้ รวมถึงการกระทำของเขา อายุ วาระ และปัจจัยของเขาด้วย แล้วบันทึกจะถูกปิดลง ไม่มีการเพิ่มหรือลดใดๆอีก”
อีกรายงานหนึ่งระบุว่า
“เมื่อน้ำเชื้อนั้นผ่านระยะเวลาไป 42 คืน อัลลอฮฺจะส่งมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งไปหามัน สร้างรุปลักษณ์ และหู ตา ผิวหนัง เนื้อ กระดูก"
รายงานจากท่านอนัส อิบนุ มาลิก (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า ท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
กล่าวว่า
“แท้จริง อัลลอฮฺได้มอบหมายให้มลาอิกะฮฺท่านหนึ่งให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับมดลูก
เขาจะคอยทูลว่า : เป็นน้ำเชื้อครับ เป็นก้อนเลือดครับ เป็นก้อนเอครับ
เมื่ออัลลอฮฺประสงค์จะสร้างรูปหนึ่งขึ้น มลาอีกะฮฺทูลถามว่า ; พระเจ้าแห่งข้าฯ เขาเป็นชายหรือหญิง ทุกข์สุข ปัจจัยยังชีพเป็นเช่นไร กำหนดวาระเป็นเช่นไร จะถูกบันทึกเอาไว้ในครรภ์มารดาของเขา” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม)
จากหะดิษข้างต้น รวมถึงอายะฮอัลกุรอาน ล้วนบอกลำดับการสร้างที่ตรงกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน
จากรายงานของท่านฮุซัยฟะฮฺ อิบนุ อะซีด(ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การสร้างอวัยวะเกิดขึ้นหลัง 42 คืน หมายความว่า เมื่อหมดสิ้นระยะเวลาดังกล่าวทารกได้ผ่านการเป็นน้ำเชื้อผสม ก้อนเลือด และ และก้อนเนื้อมาแล้ว และตรงกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์ด้วย ประกอบกับหะดิษอิบนุ มัสอู๊ด ซึ่งบันทึกโดยอิมามมุสลิมมีคำว่า "ในนั้น" ซึ่งเป็นคำบ่งบอกถึงการกลายเป็นก้อนเลือดและก้อนเนื้ออยู่ในระยะนั้น คือในระยะเวลาตัวเลข 40 หรือ 42
ตัวเลข 40 วัน ในหะดิษท่านอิบนุ มัสอู๊ด จึงน่ามความหมายในทางเดียวกับหะดิษท่านฮุซัยฟะฮฺ คือการสร้างมนุษย์แต่ละคนผ่านระยะน้ำเชื้อผสม ก้อนเลือด และก้อนเนื้อนั้นเกิดขึ้นในราว 40 วันแรกนั้นทั้งหมด หลักจากนั้นจึงมีการสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดเป็นอีกรูปหนึ่ง ตามที่อัลกุรอานได้กล่าวไว้ และมีการเป่าวิญญาณในช่วงเวลาดังกล่าว คือช่วง 40 วัน หรือ 42 วัน หรือในช่วงสัปดาห์ที่ 6 นั้นคือสาเหตุที่เราได้ยินเสียงหัวใจเด็กเต้นในช่วงเดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์ ไม่ใช่ช่วง 4 เดือน ในระหว่าง 40 วัน หรือ42 วันนี้ ทารกจะยังไม่มีอัตลักษณ์ที่ดูเหมือนมนุษย์ทั่วไป เพราะยังไม่มีโครงกระดุก แขน ขา หรืออวัยวะอื่นใด
สรุปการพัฒนาการสร้างมนุษย์ในครรภ์มารดา ตามอัลกุรอานและหะดิษที่รายงานจากท่านอิบนุ มัสอู๊ด และท่านฮุซัยฟะฮฺ คือ
1.น้ำเชื้อผสม
2.ก้อนเลือด
3.ก้อนเนื้อ
กระบวนการสร้างมนุษย์ทั้ง 3 ระยะนี้ อยู่ในช่วง 40 วัน หรือ 42 วัน ซึ่งถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานและรายงานหะดิษที่รายงานจากท่านอิบนุ มัสอู๊ด และท่านฮุซัยฟะฮฺ และในช่วงเวลานี้จะมีการเป่าวิญญาณ
4.สร้างกระดูก
5.หุ้มกระดูกด้วยเนื้อ
6.การเติบโตในอีกรูปแบบหนึ่ง
ระยะ 4-6 ได้ระบุไว้ในอัลกุรอาน แต่ไม่ได้ระบุไว้ในหะดิษ
والله أعلم بالصواب
Tags: