ไม่มีการประนีประนอม ในเรื่องศรัทธา
ชาวอาหรับกับชาวยิวเป็นชนชาติเซมิติคซึ่งเป็นชนชาติเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี นักวิชาการกล่าวว่าชนชาตินี้เป็นลูกหลานของเชม บุตรชายคนหนึ่งของโนอาห์ และคำว่าเซมิติคนี้มาจากคำว่าเชมนี่เอง
จะอย่างไรก็ตาม ชาวอาหรับและชาวยิวมีลักษณะทางวัฒนธรรมร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ การรักษาลำดับเชื้อสายวงศ์ตระกูลของตนไว้เพื่อให้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกหลานใครและใครเป็นต้นตระกูลบรรพบุรุษของตน
ในคัมภีร์ไบเบิลมีการลำดับเชื้อสายบรรพบุรุษของลูกหลานอิสราเอลไว้อย่างละเอียดจนทำให้ลูกหลานอิสราเอลหรือชาวยิวสามารถไล่ย้อนขึ้นไปถึงอับราฮัมผู้เป็นบรรพบุรุษทางเชื้อชาติและศาสนาของตน
ชนชาติอาหรับก็มีการลำดับเชื้อสายบรรพบุรุษของตนและสามารถไล่ย้อนขึ้นไปถึงอิบรอฮีมหรืออับราฮัมเช่นกัน ในคัมภีร์กุรอานมิได้มีการบันทึกลำดับเชื้อสายของชาวอาหรับไว้ แต่มีการบันทึกไว้ในเอกสารและความจำของคนบางคน ในอดีต ชาวอาหรับคนใดที่สามารถจดจำเชื้อสายของบรรพบุรุษถือว่าเป็นผู้มีความรู้ที่ได้รับการยกย่องในสังคม
ด้วยการจดจำเชื้อสายบรรพบุรุษของชาวอาหรับนี้เองที่ทำให้เรารู้ว่าอิบรอฮีมหรืออับราฮัมเป็นบรรพบุรุษทางเชื้อชาติและศาสนาของชาวอาหรับเช่นเดียวกับลูกหลานอิสราเอล
ในการศึกษาประวัติศาสตร์ นักวิชาการมุสลิมไม่ปฏิเสธการบันทึกลำดับเชื้อสายของนบีบางคนในคัมภีร์ไบเบิลและอาศัยข้อมูลเหล่านี้ในการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมมีลูกชายคนแรกชื่ออิชมาเอลกับนางฮาการ์ภรรยาคนที่สอง และยังบันทึกต่อไปอีกว่าอิชมาเอลมีลูกชายหลายคน หนึ่งในนั้นคือเคดาร์ที่ชาวอาหรับถือว่าเป็นต้นตระกูลของชาวอาหรับเผ่ากุเรชซึ่งในเผ่านี้เองที่นบีมุฮัมมัดถือกำเนิดขึ้นมา
หลังจากมีลูกชายคนแรกกับภรรยาคนที่สองแล้ว อับราฮัมได้มีลูกชายคนที่สองชื่ออิชอัคกับนางซาราห์ภรรยาคนแรก ต่อมาอิชอัคมีลูกชายคนหนึ่งชื่อยาโกบ(หรือยะกู๊บ)ผู้ได้ฉายาว่า “อิสราเอล”
อับราฮัมมีความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวและเขาต่อต้านการเคารพกราบไหว้วัตถุ ดวงดาวและผีสางนางไม้ถึงขึ้นยอมเอาชีวิตเข้าแลก ความเชื่อและแนวทางการดำเนินชีวิตของอับราฮัมถูกเรียกว่า “ฮะนีฟ” ในภาษาอาหรับซึ่งหมายถึงความเชื่อและแนวทางอันบริสุทธิ์ นอกจากนี้แล้ว อับราฮัมยังได้รับคัมภีร์จากพระเจ้าเช่นเดียวกับโมเสส คัมภีร์นี้ถูกเรียกว่า “ศุฮุฟ” ซึ่งสูญหายไร้ร่องรอยไปหมดแล้ว
แต่กระนั้น ความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวยังคงถูกถ่ายทอดสู่ลูกหลานของอับราฮัมมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม หลังสมัยนบีอีซา ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวที่ท่านพร่ำสอนกลับถูกตีความบิดเบือนจนกลายเป็นความเชื่อในพระเจ้าสามองค์หรือ “ตรีเอกานุภาพ”
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม ความเชื่อของชนเผ่ากุเรชซึ่งเป็นเผ่าใหญ่ที่มีอำนาจและอิทธิพลในเมืองมักก๊ะฮฺได้ผิดเพี้ยนไปจากความเชื่อของอิบรอฮีมบรรพบุรุษของตน นบีมุฮัมมัดจึงได้เรียกร้องให้ชาวอาหรับเลิกเคารพกราบไหว้รูปปั้นและหันมาศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวเหมือนอิบรอฮีมบรรพบุรุษของพวกตน แต่ท่านกลับถูกต่อต้านโดยกลุ่มหัวหน้าเผ่าชาวกุเรช
ในเวลานั้น เผ่าอาหรับประกอบด้วยหลายตระกูลและหัวหน้าตระกูลใหญ่ๆจะเป็นสมาชิกสภาผู้ปกครอง แม้ผู้มีอำนาจหลายคนในเผ่ากุเรชไม่พอใจการเผยแผ่ศาสนาของนบีมุฮัมมัด แต่ก็ไม่กล้าทำร้ายท่านเพราะลุงของท่านเป็นสมาชิกสภาผู้ปกครองคนหนึ่งได้ให้ความคุ้มครอง
เมื่อกำจัดนบีมุฮัมมัดด้วยกำลังไม่ได้ พวกผู้นำชาวกุเรชจึงส่งคนมาเจรจาประนีประนอมกับนบีมุฮัมมัดโดยยื่นข้อเสนอว่าให้ต่างฝ่ายต่างผลัดกันนับถือศาสนาของอีกฝ่ายหนึ่งคนละปี นบีมุฮัมมัดจึงขอคำตอบจากพระเจ้าและพระองค์ได้มีบัญชามายังท่านว่า :
“จงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘ฉันไม่เคารพสักการะสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ และพวกท่านก็มิใช่ผู้เคารพสักการะพระองค์ผู้ที่ฉันเคารพสักการะ ฉันมิใช่ผู้เคารพสักการะสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ และพวกท่านก็มิใช่ผู้เคารพสักการะพระองค์ผู้ที่ฉันเคารพสักการะ พวกท่านนับถือศาสนาของพวกท่านไป ส่วนฉันก็นับถือศาสนาของฉัน’” (กุรอาน 109:1-6)
บทความโดย อ.บรรจง บินกาซัน
Tags: