การเผยแผ่อิสลามของท่านนบี
การเผยแผ่อิสลามของท่านนบี
โดย เชคริฎอ อะหมัด สมะดี
ท่านอิหม่ามอิบนุลก็อยยิมได้กล่าวถึงลำดับการเผยแผ่อิสลามของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงกำหนดเพื่อเป็นแบบฉบับในการเผยแผ่อิสลามสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ขั้นที่ 1 การได้รับแต่งตั้งให้เป็นนบี (อันนุบูวะฮฺ)
ขั้นที่ 2 การตักเตือนทายาทใกล้ชิดของท่านนบี ท่านเริ่มเผยแผ่อิสลามตั้งแต่คนใกล้ชิด คือ ภรรยาของท่าน มิตรสหายใกล้ชิด เช่น ท่านอบูบักร อัศศิดดีก ท่านอุษมาน อิบนุอัฟฟาน ทายาทใกล้ชิด เช่น ท่านอะลี อิบนุอบีฏอลิบ ลุงของท่านคือ ท่านอบูฏอลิบ และบรรดาผู้ที่รู้จักกันอย่างสนิทสนม
ขั้นที่ 3 การเผยแผ่ให้แก่กลุ่มชนที่อยู่เมืองเดียวกับท่านนบี คือ เมืองมักกะฮฺ
ขั้นที่ 4 การเผยแผ่อิสลามแก่กลุ่มชนที่ไม่เคยรับการเผยแผ่มาก่อนเลย คือ ชาวอาหรับที่ไม่เคยมีนบีมายังพวกเขา (สังเกตว่าท่านนบีเริ่มเผยแผ่อิสลามแก่ชาวอาหรับภายหลังจากที่ท่านมีความมั่นคงในความเป็นนบี มีความมั่นคงในการตักเตือนเครือญาติใกล้ชิดและกลุ่มชนของท่านคือ กุรอยชฺ ที่มักกะฮฺ)
ขั้นที่ 5 การเผยแผ่อิสลามแก่ทุกคนที่ได้รับฟังคำเทศนาของท่าน ทั้งมนุษย์และญิน ตลอดกาลจนถึงวันปรโลก
ดังนั้น เราต้องเข้าใจว่าผู้ที่ทำหน้าที่ดะอฺวะฮฺ(เผยแผ่อัลอิสลาม) ถือว่าสืบทอดเจตนารมณ์ หน้าที่ และตำแหน่งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในฐานะเป็นผู้ประกาศสัจธรรม เรียกร้องสู่ความจริงที่มาจากอัลลอฮฺ และเป็นเรื่องที่ต้องภูมิใจหากเราได้มีส่วนร่วมในการเรียกร้องสู่ความจริง ถึงแม้การทำหน้าที่ของเราอาจไม่เหมือนที่ท่านนบีทำทั้งหมด แต่ถือว่ามีส่วนเพิ่มพลังในการเผยแผ่อิสลาม
ทุกคนที่ทำหน้าที่สืบทอดเจตนารมณ์อันแท้จริงของท่านนบี คือการเผยแผ่อิสลามไปยังมนุษยชาติทั้งหลาย จำต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและลำดับการเผยแผ่อิสลาม นั่นคือ เริ่มต้นจากคนใกล้ชิด เช่น ภรรยา บุตรหลาน ญาติพี่น้อง และกลุ่มชนที่อยู่ใกล้เคียง แล้วจึงขยายวงออกไป ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้รอจนคนใกล้ชิดของท่านศรัทธาแล้วจึงขยายวงออกไป แต่ท่านได้เผยแผ่และย้ำการตักเตือนแก่คนใกล้ชิด ต่อเมื่อเขาปฏิเสธ (เช่น อบูละฮับ ลุงของท่าน หรือทายาทของท่านจากเผ่ากุรอยชฺ) ท่านจึงขยายวงเผยแผ่แก่คนแปลกหน้า นี่คือหลักการเผยแผ่อิสลาม ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรอให้คนสนองตอบคำเรียกร้อง แต่หน้าที่ของเราคือการเผยแผ่สู่สัจธรรม หากคนไม่ตอบรับ นั่นหมายความว่าเราได้ทำหน้าที่แล้ว การเผยแผ่กับคนแปลกหน้าโดยที่ยังไม่ได้ตักเตือนคนใกล้ชิด ถือเป็นข้อบกพร่องที่ควรแก้ไข
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้การเผยแผ่อิสลามทุกรูปแบบตามความต้องการและศักยภาพของท่าน ด้วยข้อแนะนำจากอัลลอฮฺตะอาลา ท่านใช้ระยะเวลา 3 ปีในการเผยแผ่อิสลามในเชิงลับ คือไม่ประกาศเปิดเผยแก่สาธารณชน แต่พยายามพูดคุยกับผู้คนในเชิงลับ เพราะชาวกุเรชไม่ยอมรับและต่อต้าน จนกระทั่งมีพระบัญชาจากอัลลอฮฺ ให้ท่านประกาศสัจธรรม ในซูเราะฮฺอัลฮิจรฺ (15) อายะฮฺที่ 94 อัลลอฮฺ ตรัสว่า
فَاصْدَعْ بِمَا تُؤْمَرُ وَأَعْرِضْ عَنِ الْمُشْرِكِينَ
ความว่า “เจ้าจงเผยสิ่งที่เจ้าถูกสั่งใช้ และจงให้ห่างไกลจากผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ (มุชริกีน)” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงประกาศอิสลา มอย่างเปิดเผยและประกาศความเป็นศัตรูแก่ผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ นี่คือรูปแบบการประกาศความจริงที่ท่านนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม ได้ริเริ่มไว้
قَدْ كَانَتْ لَكُمْ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ فِي إِبْرَاهِيمَ وَالَّذِينَ مَعَهُ إِذْ قَالُوا لِقَوْمِهِمْ إِنَّا بُرَآء مِنكُمْ وَمِمَّا تَعْبُدُونَ مِن دُونِ اللَّهِ كَفَرْنَا بِكُمْ وَبَدَا بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمُ الْعَدَاوَةُ وَالْبَغْضَاء أَبَداً حَتَّى تُؤْمِنُوا بِاللَّهِ وَحْدَهُ
ความว่า “แน่นอนได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน (ตัว) อิบรอฮีม และบรรดา (มุอฺมิน) ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า แท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺ เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ (ศาสนาของ) พวกท่าน และการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฎขึ้นแล้ว (และจะคงอยู่) ตลอดไปจนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮฺองค์เดียว...” [อัลมุมตะฮินะฮฺ 60:4]
หลังจากที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ประกาศสัจธรรมอย่างเปิดเผย ท่านก็ได้รับการกลั่นแกล้งและต่อต้านเป็นวงกว้าง ตลอดจนผู้ศรัทธาต่อท่านก็ได้รับการต่อต้านเช่นกัน จนกระทั่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงอนุญาตให้ผู้ศรัทธาฮิจเราะฮฺ(อพยพ) ซึ่งมีการอพยพไปยังเมืองหะบะชะฮฺ 2 ครั้งก่อนที่จะอพยพไปเมืองมะดีนะฮฺ
แหล่งที่มา: fityatulhaq.net
Tags: