ผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดและวางเพลิงกว่า 10 จุดในสามอำเภอของจังหวัดปัตตานี ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย ในจำนวนนี้เป็นนายอำเภอยะหริ่ง ที่ถูกสะเก็ดระเบิด ขณะลงพื้นที่ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย

วันนี้ (11 ก.พ.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณหน้าโรงเรียนยะหริ่ง ถนนราชบำรุง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี หลังเกิดระเบิด 2 ครั้ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ นางสมจินต์ สืบประดิษฐ์ อายุ 57 ปี ที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาตกใจ รถล้มบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน  ระหว่างตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยริมกำแพง 2 ฝั่ง ใกล้กับตู้โทรศัพท์ จำนวน 2 ลูกห่างกันประมาณ 3 เมตร จึงปิดกั้นเส้นทางเพื่อความปลอดภัย และแจ้งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ ประมาณ 10 นาทีระเบิดทั้ง 2 ลูกก็เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หลังเสียงระเบิดพบว่า นายอดุลย์ หมีดเส็น นายอำเภอยะหริ่ง ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บเล็กน้อย ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้เกิดหลุม 2 หลุม กว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 20 เซนติเมตร ตู้โทรศัพท์สาธารณะ รวมถึงบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดระเบิด เมื่อเวลา 03.00 น. เกิดเพลิงไหม้ร้านขายของชำ บนถนนหน้าวัง ตำบลยะหริ่ง ซึ่งห่างจากจุดระเบิดประมาณ 50 เมตร ซึ่งเพลิงเผาไหม้ร้านดังกล่าวเสียหายทั้งหลัง  เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะลอบนำระเบิดเพลิงแบบตั้งเวลามาซุกไว้ในช่วงค่ำ ซึ่งร้านแห่งนี้เคยถูกลอบวางระเบิดมาแล้วเมื่อกลางปี 2558  เวลาใกล้กัน ไล่เลี่ยกัน เกิดระเบิดขึ้น 3 จุด ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลยะรัง โดยจุดแรกคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็กใส่ในถังขยะ ห่างประมาณ 15 นาที ก็เกิดระเบิดขึ้นอีก 2 จุดบริเวณเดียวกัน โดยวางระเบิดซุกไว้ริมกำแพงบ้านเช่า แล้วนำรถจักรยานยนต์มาจอดอำพราง หวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในจุดที่ 1 แต่เจ้าหน้าที่ระวังป้องกันอย่างดีจึงปลอดภัย

ส่วนที่ อำเภอสายบุรี เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ระเบิดได้ 3 ลูก หลังชาวบ้านแจ้งว่าพบวัตถุต้องสงสัย บริเวณถนนปากน้ำ และถนนท่าเสด็จ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็ก ตั้งเวลาจุดระเบิด  นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณริมถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 3 ตำบลเขาตูม เมื่อตรวจสอบพบว่าคนร้ายนำระเบิดมาใส่ไว้ในตะกร้ารถจักรยานยนต์  แต่ช่วงเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่หรือประชาชนผ่านไปมา จึงไม่มีใครบาดเจ็บ ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบภาพวงจรปิดเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นบางจุดมีหลักฐานชัดเจน แต่ยังต้องรอผลพิสูจน์  สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่สามารถจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้หลายครั้ง