โปแลนด์ออกกฎหมายห้ามกล่าวถึง“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”ชาวยิว
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดี อันเแชย์ ดูดา ของโปแลนด์ได้ประกาศใช้กฎหมายห้ามกล่าวถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในโปแลนด์ตั้งแต่วันอังคารที่ 6 ก.พ. หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านสภาเมื่อปลายเดือนม.ค. ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 57 เสียง ต่อ 23 เสียงคัดค้าน และไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง
โดยร่าง กม.ดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า "ห้ามผู้ใดกล่าวถึงความสัมพันธ์ของโปแลนด์กับการตายที่เกิดขึ้นในค่ายกักกันของนาซีในโปแลนด์ หรือกล่าวหาว่าโปแลนด์มีส่วนรู้เห็นในการก่ออาชญากรรมของนาซีในอดีต ผู้ฝ่าฝืนมีบทลงโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี"
ประธานาธิบดีดูดาและแกนนำรัฐบาลโปแลนด์หลายราย แสดงความเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการพูดหรือถกเถียงเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซีที่กระทำต่อชาวยิวในโปแลนด์ แต่การพูดหรือแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ เขาระบุว่า ตัดสินใจลงนามประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นเพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ เกียรติยศ และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ โดยเฉพาะการตั้งคำถามกับความทรงจำทางประวัติศาสตร์ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อจิตใจของประชาชน
ขณะที่อิสราเอลและสมาพันธ์ชาวยิวในยุโรป ได้ออกมาคัดค้านและแสดงความผิดหวังที่โปแลนด์ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า อิสราเอลจะไม่ยอมให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและการเขียนประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่ หรือการปฏิเสธการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในโปแลนด์
เร็บบี้ เมนาเคม มาร์โกลิน ประธานสหพันธ์ชาวยิวยุโรปกล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวจะสร้างรอยมลทินให้แก่สถาบันกฎหมายของโปแลนด์ และไม่น่าเชื่อว่าประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปจะมีการออกกฎหมายที่มีบทลงโทษที่รุนแรงไม่ต่างอะไรกับความพยายามลบล้างประวัติศาสตร์ และการกำหนดบทลงโทษจำคุกผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มืดมิดของยุโรป
ขณะที่ ซิกมัน การ์เบรียล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี ยอมรับว่าเยอรมนีเป็นประเทศเดียวที่ต้องรับผิดชอบกรณีกองกำลังนาซีในอดีตฆ่าชาวยิวเป็นล้านๆ คนในค่ายกักกัน แต่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ ถ้าโปแลนด์ยอมที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่ยอมพูดถึงข้อเท็จจริงที่เคยมีการตั้งค่ายกักกันเอาช์วิตซ์ในโปแลนด์ ย่อมจะทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มประชาคมโลก
ที่มา AFP
Tags: