ชาวบ้านกาโสดผวา! “ร้องขอความเป็นธรรม” ถูก จนท.คุมตัวนับเดือน อ้างเป็นผู้ต้องสงสัย“เผารถทัวร์”
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุความไม่สงบ กรณีคนร้ายก่อเหตุวางเพลิงเผารถยนต์โดยสารปรับอากาศ ของบริษัท สยามเดินรถสาย (เบตง-กรุงเทพฯ) เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา บริเวณบ้านกาโสด ม.5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสนธิกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าวเพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ซึ่งล่าสุด วันนี้ (24 ม.ค.) นายมายิ สามะแอ ผู้ใหญ่บ้านกาโสด ม.5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า ชาวบ้านในหลายหมู่บ้านของ ต.บันนังสตา จ.ยะลา ตกเป็นเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อการก่อเหตุเผารถบัสดังกล่าว และถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปแล้วในฐานะผู้ต้องสงสัย จำนวน 42 คน ที่ยังอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ บางคนได้มีพยานยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นนายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำศาสนา แต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ้างว่าเป็นคำสั่งของแม่ทัพเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ทุกวันนี้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจในพื้นที่นั้นเสียหายเป็นอย่างมาก ชาวบ้านเริ่มไม่เชื่อมั่น หวาดระแวง เห็นรถเจ้าหน้าที่เข้าออกในหมู่บ้านต่างก็ตกใจ ไม่กล้าออกนอกบ้าน ซึ่งอาจนำสู่การไม่ให้ความร่วมมือกันในอนาคตได้ เท่ากับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่กลับมาอยู่ที่เดิม
นายมายิ สามะแอ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อก่อนชาวบ้านที่นี่จะให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เข้ามา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยที่อยู่ในพื้นที่ได้เข้าพูดคุย สร้างความเข้าใจ บอกกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ สร้างความพึงพอใจให้แก่ชาวบ้านด้วยดีมาโดยตลอด แต่พอหลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบวางเพลิงเผารถบัสที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านเปลี่ยนไป หลังจากมีเจ้าหน้าที่ถืออาวุธปืนครบมือจำนวนนับร้อยนายเข้ามาในหมู่บ้าน โดยไม่ได้มีการประสานกับกำลังหน่วยในพื้นที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เป็นต้น โดยอ้างเพียงว่าเข้ามาตามคำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 4 แต่กลับมีการพูดจาไม่ดี ไม่สุภาพ และไม่ให้เกียรติผู้นำท้องที่ และผู้นำศาสนา รวมทั้งมีการจับตัว นายมูฮำมัด ยาโฮะ ซึ่งเป็นคณะกรรมการมัสยิดกาโสด ที่ชาวบ้านให้ความนับถือ ให้ความไว้วางใจ เป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ จึงมอบหมายให้ดูแลเงินทอง หรือทำหน้าที่ดูแลการเงินของมัสยิดมาเป็นเวลายาวนาน
“สิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นมันจึงทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ ทหารมาบอกว่าผู้ใหญ่ช่วยสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านด้วย บางคนที่เข้าใจก็เข้าใจ ส่วนบางคนที่ไม่เข้าใจ เราก็ต้องพยายามช่วยทำให้เขาเข้าใจต่อไป”
“จริงๆ ชาวบ้านที่เจ้าหน้าที่สงสัยนั้นน่าจะเชิญตัวไปดีๆ ก็ได้ ชาวบ้านรู้เรื่อง เขาไม่ทำอะไร เขาไม่หนีหรอก แต่นี่มาใช้กองกำลังเจ้าหน้าที่เป็น 100 นาย ถืออาวุธหนักครบมือ เหมือนจะออกไปรบ บางจุดมากกว่านั้น ชาวบ้านก็ตกใจ เขาเลยกลัว เห็นเจ้าหน้าที่ก็ผวา ไม่กล้าไปทำงานกลัวว่าจะถูกจับ เพราะเห็นอยู่คนที่ไม่ได้ทำผิดอะไรก็จะถูกจับ พวกเขาก็เลยกลัว เพราะกว่าชาวบ้านจะเข้าใจให้ความร่วมมือไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใช้เวลานานมาก เจ้าหน้าที่หน่วยอื่นมาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ภาพดีๆ ที่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำเสียหายไปหมด ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าชาวบ้านจะเข้าใจ แล้วกลับมาให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมอีก”
จากการพูดคุยกับชาวบ้านเมื่อคืนที่ผ่านมา ข้อมูลล่าสุดชาวบ้านที่นี่ถูกควบคุมตัวไป 42 คน จากในพื้นที่บ้านบือซู บ้านสนามบิน บ้านมือเจาะ บ้านบันนังกูแว บ้านเจาะบันตัน และบ้านกูแด เป็นลูกบ้านของผู้ใหญ่เอง 12 คน ปล่อยตัวออกมาแล้ว 8 คน ยังถูกควบคุมตัวอีก 4 คน คือ นายมูฮำมัด ยาโฮะ นายมะรูดิง อีแต ถูกควบคุมอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายมะรอพี ตาแยะ และนายบูคอรี กูโน ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายวังพญา หน่วยเฉพาะกิจ 41 ต.พิเทน อ.รามัน จ.ยะลา และในจำนวน 4 คนนี้ เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่บอกว่า 3 คน คือ นายมะรูดิง อีแต นายมะรอพี ตาแยะ และนายบูคอรี กูโน ให้การรับสารภาพ
“ในจำนวน 4 คนนี้ ตน และชาวบ้านที่นี่กล้ายืนยันได้ว่า นายมูฮำมัด ยาโฮะ เป็นคนดี ไม่มีอะไร โดยที่ทหาร ฉก.ในพื้นที่บอกว่า 3 คน ที่ได้ให้การรับสารภาพ ส่วน นายมูฮำมัด ยาโฮะ เดี๋ยวก็ได้กลับบ้าน ซึ่งเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ แต่พาไปตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมแล้ว วันนี้ยังอยู่ที่ศูนย์ควบคุมของตำรวจ”
ตนยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันแรกที่มีรายชื่อมาแล้วว่า นายมูฮำมัด ยาโฮะ ไม่มีอะไร จากนั้นก็ไปถามเจ้าตัว และครอบครัวแบบเปิดใจ เลยถามตรงๆ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เข้าร่วมกับกลุ่มเหล่านี้หรือไม่ เคยเผายางหรือไม่ คำตอบที่ได้เขาก็ยืนยันมาว่า เขาไม่เกี่ยว ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ตนจึงมั่นใจ และยืนยันต่อเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ไปอีกครั้ง
“ตอนแรกเขาสงสัยเรื่องเงินที่เจอในบ้าน แต่ผมก็บอกไปว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวมีฐานะ ชาวบ้านให้เขาดูแลการเงินของมัสยิด เขาไม่มีอะไรจริงๆ แต่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่บอกว่า เขาไม่รู้เรื่องหน่วยจากยะลาที่ยังต้องการสอบ เดี๋ยวก็ได้กลับ”
ที่ผ่านมา บ้านกาโสด หมู่ 5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เคยเกิดเหตุการณ์มาแล้วหลายครั้ง มีบ้างแต่ไม่มากที่เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวชาวบ้านในพื้นที่ ทุกครั้งที่เชิญตัวไปก็ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ทุกครั้ง และในจำนวน 14 คน ที่ถูกออกหมายจับหลังเกิดเหตุก็ไม่มีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 บ้านกาโสดเลย
“ปัญหาที่นี่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 2,500 คน รวม 450 หลังคาเรือน อาศัยอยู่ในพื้นที่ 7 กิโลเมตร ถือว่ากว้างมาก เคยเรียกร้องขอให้หน่วยที่เกี่ยวข้องแยกหมู่บ้าน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะที่นี่มีการอาศัยอยู่ของชาวบ้าน เขาจะอยู่เป็นย่อมๆ ไม่กระจุก ยากต่อการดูแล ถ้าสามารถแยกออกเป็น 2 หมู่บ้านได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะสามารถเข้าถึงชาวบ้านได้ดีกว่านี้”
โดยหลังเกิดเหตุมีข่าวว่า ตนจะถูกปลดเพราะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ความจริงแล้วไม่ได้ถูกปลด ตอนนี้ยังเป็นผู้ใหญ่บ้าน รับผิดชอบชาวบ้านกาโสดอยู่
ด้าน นางฮามีดะห์ อาบู แม่ของนายมูฮำมัด ยาโฮะ ผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางเพลิงรถบัส กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มาเอาลูกชายเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 29 ธันวาคม 2560 ตอนเช้าเขาพาลูกชายมาค้นบ้านหลายชั่วโมงก็ไม่ได้อะไร มีแต่บันทึกของมัสยิดกับเงินที่อยู่ในถุง ซึ่งเป็นของมัสยิด เขาคืนเงินให้ แต่ไม่คืนสมุดบันทึกที่เป็นรายรับรายจ่ายของมัสยิด ที่ต้องทำจดบันทึกทุกครั้งที่มีเงินเข้า และออกที่เป็นรายรับรายจ่ายของมัสยิด เจ้าหน้าที่พาไปควบคุมที่ศูนย์ซักถามหนองจิก จ.ปัตตานี ในวันที่ 4 มกราคม 2561 ถูกส่งไป จ.ยะลา จนถึงตอนนี้ยังอยู่ที่ จ.ยะลา อยู่ในความดูแลของตำรวจ ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังไม่สามารถกลับบ้านได้อีก เราชาวบ้านก็ไม่รู้เรื่องอะไร ได้แต่ไปเยี่ยม และละหมาดขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยเขาออกมาเร็วๆ
“ตกใจมากวันที่มีคนมาบอกว่า ลูกชายให้การสารภาพ เจ้าหน้าที่ออกรายชื่อเขาว่ายอมรับ และให้การเป็นประโยชน์ จึงให้ญาติถามเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เขาก็บอกว่าลูกชายให้การเป็นประโยชน์ รู้สึกล้มทั้งยืน บอกไม่ถูก เพราะไปถามลูกชายหลายครั้งเขาบอกตลอดว่าไม่ได้ทำ เขาจะยอมรับทำไม เขาบอกว่าถ้าจะดูหลักฐานในวันเกิดเหตุ เขาไปไหนสามารถดูจากกล้องวงจรปิดจากบ้านไปถึงโรงพยาบาลยะลาได้เลย เขาไปรับแม่ยายที่โรงพยาบาลยะลา ภาพทุกกล้องต้องจับได้ว่าเขาอยู่ที่นั่น เวลาไหนไปดูได้เลย”
“ตอนนี้เห็นรถแปลกๆ เข้ามาก็ตกใจกลัวผวาตลอด ยิ่งตื่นมาตอนดึกๆ ถ้าได้ยินเสียงรถก็จะตกใจ หัวใจเต้นแรง ขนาดพูดอยู่ตอนนี้ยังกลัวๆ ว่าเจ้าหน้าที่จะมาจับไปด้วย ขนาดลูกชายไม่ได้ทำอะไรยังโดนจับไป สงสัยนั้นสงสัยนี้ ก็เลยกลัว คนอื่นๆ ก็เหมือนกันกลัวกันหมด เพราะเขาไม่ผิด แต่เจ้าหน้าที่มาสงสัย จะให้เราไม่กลัวได้ยังไง นี่ขนาดพูดให้ข้อมูลยังกลัว ไม่รู้ว่าจะมีใครมาเอาตัวไปสอบหรือเปล่าที่ให้ข้อมูลต่อนักข่าว ก็อยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย และให้ชาวบ้านที่นี่ด้วย”
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
Tags: