ประมวลบรรยากาศอีดิ้ลฟิตรี 1438 (2017) มุสลิมทั่วเอเชียขอพรหวัง สันติกลับมาอีกครั้ง
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและยังคงมีบางประเทศเช่น บรูไน เป็นต้น ที่เพิ่งเริ่มเฉลิมฉลองวันตรุษอีดิ้ล ฟิตรีในวันนี้(26 มิ.ย.60)ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม โดยวันตรุษอีดิ้ลฟิตรีเป็นการเฉลิมฉลองหลังจากผ่านพ้นการถือศีลอดตลอดหนึ่งเดือน ที่ถือเป็นเดือนที่ประเสริฐที่สุดสำหรับพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ฝึกปฏิบัติตนให้อยู่ในหลักคำสอน รวมไปถึงการได้เห็นอกเห็นใจผู้ยากไร้มากขึ้น จากการได้อดอาหาร
โดยหนึ่งในสิ่งต้องปฏิบัติสำหรับพี่น้องมุสลิมทุกคนในช่วงสิ้นสุดการถือศีลอดคือการบริจาคทาน(ซะกาต) แก่คนยากไร้ และร่วมละหมาดเนื่องในวันอีดิ้ลฟิตรีพร้อมกัน
(ชาวมุสลิมร่วมละหมาดวันตรุษอีดิ้ลฟิตรีร่วมกัน ณ ท่าเรือ Sunda Kelapa จาร์กาตาร์ อินโดนีเซีย:Reuters)
(ภาพมุสลีมะห์กำลังละหมาด ใจกลางสวนLuneta Park กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์: Reuters)
โดยในปีนี้ประเทศส่วนใหญ่เริ่มเฉลิมฉลองกันในวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. ขณะที่บางประเทศอาจเริ่มช้ากว่าที่อื่น อันเนื่องจากปฏิทินอิสลามนั้นยึดตามจันทรคติ หมายความว่า การกำหนดขึ้นเดือนใหม่ต้องขึ้นอยู่กับการมองเห็นดวงจันทร์นั้นเอง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การเฉลิมฉลองอีดิ้ลฟิตรี อาจไม่ตรงกัน แต่กระนั้นก็ห่างกันเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
เรามาเริ่มกันที่ จาร์กาตาร์ เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ชาวเมืองต่างร่วมใจขอพรให้ประเทศรอดพ้นจากการก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรง ภายหลังจากในช่วงหลายปี อินโดนีเซียเกิดเหตุก่อการร้ายหลายครั้ง
ซัมซุล อารีฟีล หนึ่งในชาวเมืองจาร์กาตาร์ กล่าวว่า เราอยากให้นำเอาหลักคำสอนเดิมของอิสลามที่เน้นย้ำในเรื่องการสร้างสันติแก่ทุกคน
(ภาพมุสลีมะห์และเด็กๆ ระหว่างพิธีการวันตรุษอีดิ้ลฟิตรี ณ ท่าเรือ Sunda Kelapa จาร์กาตาร์ อินโดนีเซีย:Reuters)
ขณะที่พิลิปปินส์ โดยเฉพาะในเมืองมาราวี ทางเกาะใต้ของประเทศที่ยังคงมีการสู้รบของกลุ่มติดอาวุธและกองทัพ โดยในช่วงวันอีดิ้ลฟิตรี ทางการได้ประกาศหยุดยิงชั่วคราว ด้านประชาชนขาวมุสลิมซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของเมืองที่ร่วมละหมาดต่างพากันหลั่งน้ำตาต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
ซึ่งปัจจุบันตัวเลขของผู้อพยพสูงถึง 246,000 คน มีผู้เสียชีวิตแล้วราว 350 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่เหลือราว 69คนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
อาลอนโต้ อาดิงอง ( Zia Alonto Adiong) โฆษกประจำคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในมาราวี กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นหนึ่งในห้วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดในรอบร้อยปีสำหรับชาวเมืองมาราวี
(เจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์กำลังขอพรระหว่างพิธีละหมาดอีดิ้ลฟิตรี ณ บริเวณเมืองรอบข้าง มาราวี :Reuters)
มาที่บรรยากาศในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้อพยพหนีสงครามเข้ามาแสวงหาที่พักพิงเป็นอันดับต้นๆของ อาเซียนโดยเฉพาะผู้ลีภัยจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ซูมัยยะห์และ นาบีละห์ ชาวเยเมนที่อพยพหนีจากสงครามกลางในประเทศตัวเอง ซึ่งมาร่วมละหมาดเนื่องในวันอีดิ้ลฟิตรีเผยว่า เราไม่สามารถอยู่ในประเทศได้ ที่นั่นมีแต่อันตราย เด็กไม่ปลอดภัย แต่เรายังคงหวังและขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า ความสงบจะกลับมาอีกครั้ง และนั่นหมายถึงความสุขที่จะกลับมาเช่นกัน
(ผู้คนเมืองเปชาวาร์ ปากีสถาน ร่วมละหมาดและขอพรพร้อมกัน :Reuters)
ในส่วนของประเทศไทยนั้นพี่น้องมุสลิมต่างเฉลิมฉลองกันอย่างชื่นมื่น ซึ่งถือว่าปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่วันอีดิ้ลฟิตรีตรงกับช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้หลายๆ คนมีโอกาสพบปะญาติพี่น้อง บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของเป็นไปอย่างคึกคัก
(เด็กๆ มุสลิมไทยในชุดสีสันน่ารัก :Reuters)
(ชาวเมืองสุราบายา ละหมาดร่วมกัน ณ จัตุรัสTugu Pahlawan :Reuters)
ที่มา: https://www.isranews.org/isranews-scoop/57459-edil-fitri.html
Tags: