ดั๊ก โจนส์ พลิกล็อกคว้าเก้าอี้วุฒิสมาชิกรัฐแอละแบมาให้พรรคเดโมแครตเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ในการเลือกตั้งซ่อมที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดเมื่อวันอังคาร (12 ธ.ค.) และนอกจากจะเป็นการพ่ายแพ้หมดรูปของตัวแทนพรรครีพับลิกันอย่าง รอย มอร์ ผู้อีรุงตุงนังไปด้วยข้อกล่าวหาลวนลามเด็กหญิงแล้ว นี่ยังถือเป็นระเบิดการเมืองลูกสำคัญที่ฟ้องว่า อิทธิพลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสื่อมลงทุกขณะ

ชัยชนะที่น่าตื่นตะลึงของโจนส์ทำให้เขาเป็นสมาชิกเดโมแครตคนแรกในรอบเสี้ยวศตวรรษได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกของมลรัฐซึ่งเป็นฐานเสียงเหนียวแน่นของรีพับลิกันแห่งนี้ และทำให้เสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในสภาสูงบางเฉียบลงเหลือเพียง 51 ต่อ 49 ที่นั่ง หมิ่นเหม่ต่อความพยายามในการผลักดันนโยบายของทรัมป์ รวมทั้งยังบ่งชี้ความเป็นไปได้ว่า เดโมแครตอาจพลิกกลับมายึดครองสภาสูงในการเลือกตั้งกลางสมัยปลายปีหน้า

ถึงแม้การนับคะแนนผ่านไปกว่า 99% โดยโจนส์นำมอร์ อยู่ 1.5% กระนั้น ผู้สมัครจากรีพับลิกันยังไม่ยอมแพ้และประกาศกับผู้สนับสนุนในเมืองมอนต์โกเมอรีว่า อาจมีการนับคะแนนใหม่ถ้าสองฝ่ายได้คะแนนห่างกันไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์

ทว่า จอห์น เมอร์ริล ปลัดรัฐแอละแบมา ออกมาดับฝันของอดีตผู้พิพากษาผู้นี้ ด้วยการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นว่า มีแนวโน้มสูงมากที่ผลการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงจากนี้

แคมเปญรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอัปลักษณ์ของมอร์ดึงดูดความสนใจของอเมริกันชนทั้งประเทศ รวมทั้งสร้างความแตกแยกภายในรีพับลิกันจากการที่ผู้หญิงหลายคนออกมากล่าวหาว่า เคยถูกผู้สมัครรายนี้ลวนลาม บางคนขณะยังเป็นวัยรุ่น โดยตอนนั้นฝ่ายชายอายุ 30 กว่าๆ

มอร์ วัย 70 ปี ซึ่งมีแนวความคิดแบบคริสเตียนอนุรักษนิยม และเคยถูกปลดจากการเป็นผู้พิพากษาของศาลสูงสุดรัฐแอละแบมาถึง 2 ครั้งจากการเพิกเฉยต่อกฎหมายของรัฐบาลกลาง ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดและบอกว่า ไม่รู้จักผู้หญิงที่มาชี้หน้ากล่าวหาตนด้วยซ้ำ

ทางด้านทรัมป์ซึ่งแม้ลังเลอยู่ในช่วงแรกๆ แต่ต่อมาก็ประกาศให้การสนับสนุนมอร์อย่างเต็มที่ แม้ว่าผู้นำรีพับลิกันระดับชาติคนอื่นๆ ในวอชิงตันพากันหันหลังให้หรือกระทั่งเรียกร้องให้มอร์ถอนตัวจากการแข่งขันก็ตาม

ทว่า ผลการนับคะแนนในแอละแบมาที่ทรัมป์เคยชนะขาดถึง 28% ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว กลับสะท้อนว่าบารมีและอิทธิพลของประมุขทำเนียบขาวจืดจางลงอย่างชัดเจน โดยไม่อาจแก้ไขความอื้อฉาวของมอร์ได้ ในขณะที่โจนส์ อดีตอัยการรัฐบาลกลางวัย 63 ปี รณรงค์ตรงประเด็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการทำประชามติต่อพฤติกรรมที่ถูกทำนองคลองธรรม พร้อมให้สัญญาว่า จะเป็นตัวแทนของชาวแอละแบมาในกรุงวอชิงตัน

โจนส์ที่โด่งดังในระดับท้องถิ่นจากการเอาผิดสมาชิกคูคลักซ์แคลนที่ระเบิดโบสถ์คนผิวดำในเบอร์มิงแฮมและทำให้เด็กหญิง 4 คนเสียชีวิตเมื่อปี 1963 กล่าวกับผู้สนับสนุนในเมืองเบอร์มิงแฮมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้พี่น้องทั่วอเมริกาเห็นแล้วว่า แอละแบมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และว่า หลายครั้งที่เลือกทางผิด แต่วันนี้แอละแบมามาถูกทางแล้ว

ทั้งนี้ คาดว่า โจนส์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการต้นเดือนมกราคม หลังจากเจ้าหน้าที่รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว

ข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศของมอร์มีขึ้นขณะที่บุคคลทรงอิทธิพลจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงทรัมป์ ถูกกล่าวหาในลักษณะเดียวกัน พรรคเดโมแครตถึงกับให้สัญญาว่า จะเปิดโปงผู้สมัครจากรีพับลิกันอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมเหมือนมอร์ในการเลือกตั้งปีหน้า และใช้ประเด็นนี้ขอคะแนนเสียงจากผู้หญิงและประชาชนแถบชานเมือง

ทางด้านทรัมป์ทวิตแสดงความยินดีต่อโจนส์ แต่ทิ้งท้ายว่า การต่อสู้ไม่มีวันจบและรีพับลิกันจะกลับไปทวงเก้าอี้ในรัฐแอละแบมาคืนในเวลาอันสั้น

กระนั้น เอ็กซิตโพลล์เมื่อวันอังคารชี้ว่า ทรัมป์มีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในแอละแบมาเพียงประมาณครึ่งเดียว โดย 29% บอกว่า ไปลงคะแนนเพื่อแสดงการสนับสนุนทรัมป์ และ 20% บอกว่า โหวตเพื่อแสดงการต่อต้านประธานาธิบดี

สำหรับฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้สมัครชิงทำเนียบขาวจากพรรคเดโมแครตเมื่อปีที่แล้ว ทวิตว่า “คืนนี้ชาวแอละแบมาเลือกวุฒิสมาชิกที่จะทำให้พวกเขาภูมิใจ และถ้าเดโมแครตชนะในแอละแบมาได้ เราก็สามารถและต้องชนะในทุกสนาม”

คณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต (ดีเอ็นซี) ก็แถลงว่า ความพ่ายแพ้ของมอร์ในรัฐอนุรักษนิยมอย่างแอละแบมาเป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนแจ่มแจ้งถึงทรัมป์และรีพับลิกัน และทอม เปเรซ ประธานดีเอ็นซี ทิ้งท้ายว่า “คุณไม่สามารถเรียกตัวเองได้ว่า เป็นพรรคที่ส่งเสริมสถาบันครอบครัวตราบที่คุณยังยินดียอมรับชายที่ชั่วช้าอย่างรอย มอร์ เป็นสมาชิก”

ชัยชนะของโจนส์ยังเป็นชัยชนะสำคัญครั้งที่ 2 ของเดโมแครตในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน หลังจากแคนดิเดตของพรรคนี้คว้าตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคใดๆ ในการเลือกตั้งซ่อมเดือนที่แล้ว

ที่มา: manager.co.th