อย่าพาลูกเล็กเที่ยวที่คนเยอะ....เสี่ยงติด “โรคมือเท้าปาก”
ระวัง! อย่าพาลูกรัก เที่ยวที่คนเยอะ ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ หรือทารก ที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง เพราะจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้หลายชนิด เช่นโรค มือ เท้า ปาก รักษา ทีต้องใช้เวลานาน ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดโรคจะดีกับตัวเด็กมากกว่า
พ่อแม่คนไหนก็รักลูกทั้งนั้น ถ้าเลือกได้ก็อยากเจ็บแทน ถ้าป่วยได้ก็อยากเป็นแทน แต่ความจริงแล้ว เราไม่สามารถเจ็บป่วยแทนใครได้ ทางที่ดีที่สุดคือ พ่อแม่ต้องเอาใจใส่และดูแลลูกอย่างใกล้ชิด และแม้พ่อแม่จะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ก็ยังไม่อาจปกป้องลูกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเจ้าพวกเชื้อโรคตัวร้าย ไวรัสต่าง ๆ มันช่างเล็กเหลือเกิน แถมยังชอบกระจายตัวอยู่ในอากาศ เราจึงมองไม่เห็น
สำหรับพ่อแม่ที่คิดจะพาลูกไปเล่นตามห้างสรรพสินค้า สวนสนุก หรือพื้นที่สำหรับเด็ก ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะเด็กเล็ก ๆ สามารถติดเชื้อจากการสัมผัสได้ เช่นกรณีคุณแม่ชาวฟิลิปปินส์ที่ได้โพสต์เตือน อย่าพาลูกเล็กไปเที่ยวที่คนเยอะ โดยเฉพาะพวกสนามเด็กเล่นในห้าง เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า มันสะอาดแค่ไหน หรือจะเจอเจ้าเชื้อโรคตัวดีหรือเปล่า
คุณแม่ Madelyn Bercasio Gurango ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กถึงน้อง Clark ลูกชายของเธอ ติดเชื้อโรคมือเท้าปาก หรือ Hand, foot and mouth disease (HFMD) อาการของโรค ชัดเจนมาก จะเห็นได้ว่าน้องมีตุ่มแดงกระจายอยู่ทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณขา เท้า และมือ
Madelyn เล่าเหตุการณ์การติดเชื้อโรคมือเท้าปากของลูกชายว่า หลังจากที่เธอพาลูกชายไปตรวจร่างกายกับกุมารแพทย์ (ตรวจเป็นประจำทุกเดือน) เธอก็อยากจะให้รางวัลลูกน้อยคนเก่ง เลยพาไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า แล้วลูกก็ใช้เวลาอย่างสนุกสนานใน Playhouse หรือบ้านของเล่น …ใครจะคิดว่า อีกหนึ่งวันหลังจากนั้น หนุ่มน้อย Clark จะต้องทรมานจากอาการไข้ขึ้นและอ้วก
วันถัดมา อาการเริ่มออก โรคมือเท้าปาก เกิดเป็นผื่นแดง ๆ ขึ้นตุ่ม ตั้งแต่เท้า ขา แขนน้อย ๆ ลามมาที่มือ จนถึงบริเวณปาก
อาการชัดขนาดนี้ ทำให้คุณแม่ Madelyn ต้องรีบพาลูกชายตัวน้อย ไปพบหมออย่างเร่งด่วน ซึ่งคุณหมอเห็นอาการแล้วพูดทันทีว่า Clark ติดเชื้อโรคมือเท้าปาก ซึ่งช่วงนี้เป็นเวลาที่โรคมือเท้าปากกำลังระบาด โดยเจ้าหนูน้อยต้องอยู่แต่ในบ้าน และหลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งนี้ หลังจากการรักษาตัว ตอนนี้ Clark อาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องดื่มยาอยู่
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปากเกิดได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ แต่มักจะระบาดในเด็กเล็กที่อายุไม่เกิน 5 ขวบ ซึ่งสามารถติดโรคได้อย่างรวดเร็ว มือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มที่เรียกว่า เอนเตอโรไวรัส (Enterovirus) ได้หลายชนิด หลายสายพันธุ์ แล้วทำให้แสดงอาการออกมาคล้ายกัน เช่น คอกแซคกีไวรัส เอนเตอโรไวรัส 71 ซึ่งภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์หนึ่ง อาจไม่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่น เมื่อเป็นแล้วจึงสามารถเป็นซ้ำได้อีก ทั้งยังติดเชื้อได้ตลอดทั้งปี แต่ก็มีช่วงที่ระบาดพ่อแม่ต้องระวังอย่างช่วงฤดูฝน
อาการของโรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปากที่อาการไม่รุนแรง
1. ไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้
2. มีแผลในปากเหมือนแผลร้อนในที่บริเวณริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก ลิ้น ด้านหลังของคอหอย กระพุงแก้ม
3. มีผื่นสีแดง หรือตุ่มน้ำ บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า อาจพบที่หลังเท้าหรือก้นได้ด้วย
4. ผื่นหรือตุ่มน้ำเหล่านี้จะหายไปภายในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
5. อาจมีอาการหนัก ดูซึม กินไม่ได้ อยู่เพียง 2-3 วัน จากนั้นจะดีขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
โรคมือเท้าปากที่อาการรุนแรง
โรคมือเท้าปากจากเชื้อเอนเตอโรไวรัส 71 อาจมีอาการรุนแรงเพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท โดยมีการอักเสบของก้านสมอง ทำให้เกิดภาวะการหายใจและระบบไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจากภาวะปอดบวมน้ำ เลือดออกในปอด และภาวะช็อก โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ อาจไม่ต้องมีผื่นแบบโรคมือเท้าปากจากเชื้อไวรัสชนิดอื่นก็ได้
โรคมือเท้าปากจากเชื้อคอกแซคกีไวรัส เอ16 ก็อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงจากภาวะแทรกซ้อน คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และภาวะช็อกได้ แต่พบได้น้อยกว่าเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 มาก
มือ เท้า ปาก รักษาอย่างไร
โรคนี้ไม่มียารักษาจำเพาะ หลักการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ คือ
1. เช็ดตัวลดไข้ ทานยาลดไข้
2. หยดยาชาในปากเพื่อลดอาการเจ็บแผลในปาก
3. สังเกตอาการของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ซึมลง อาเจียนเยอะ ปวดหัวมาก พูดจาสับสน หายใจดูเหนื่อย ๆ ชีพจรเบาเร็ว ปลายมือปลายเท้าดูซีดเย็น ต้องรีบนำผู้ป่วยมาโรงพยาบาล
วิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก
ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ จึงต้องมีวิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก โดยสอนลูก ดังนี้
1. สอนลูกไม่ให้ใช้มือสกปรกจับหน้าตาตัวเอง
2. สอนลูกไม่ให้อยู่ใกล้ชิดหรือสัมผัสทางร่างกายโดยตรงกับผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้ว
3. สอนลูกให้หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากเล่นมาแล้วหรือหลังจากที่ไปจับต้องสิ่งต่าง ๆ ในที่สาธารณะ
ที่มา: theasianparent
Tags: